เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 สิงหาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ ในการพระราชทานปริญญาบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยี หรือสายปฏิบัติการ ประจำปีการศึกษา 2561 จำนวน 3,265 คน จากสถาบันการอาชีวศึกษา 23 แห่ง 202 สถานศึกษา ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
โดยสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 2 ประกอบด้วย วิทยาลัยในสังกัด ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกเชียงราย วิทยาลัยเทคนิคพะเยา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา วิทยาลัยเทคนิคแพร่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแพร่ และวิทยาลัยเทคนิคน่าน มีบัณฑิตที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในครั้งนี้ จำนวน 217 คน จากสถานศึกษาในสังกัดที่จัดการเรียนการสอนระดับปริญญาตรี 6 วิทยาลัย 9 สาขาวิชา ได้แก่ สาขาวิชาเทคโนโลยียานยนต์ สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า สาขาวิชาเทคโนโลยีแม่พิมพ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ และ สาขาวิชาการท่องเที่ยว
ในการนี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ให้พระราโชวาทแก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2561 จากสถาบันการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ความว่า
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของสถาบันการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในวันนี้ ขอแสดงความชื่นชมต่อบัณฑิตทุกคนที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ สถาบันการอาชีวศึกษา เป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านวิชาชีพและเทคโนโลยี ซึ่งมุ่งเน้นให้บัณฑิตได้ประกอบอาชีพการงานเป็นบุคลากรในสายปฏิบัติการ บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการอาชีวศึกษา จึงจำเป็นต้องมีคุณสมบัติพร้อมใน 3 ด้าน
ด้านหนึ่ง ได้แก่ ความรู้ความสามารถ คือมีความรู้ในทฤษฎีและเทคโนโลยีเฉพาะทางอย่างเป็นระบบ ทั้งสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับงานแต่ละอย่างแต่ละกรณีได้
อีกด้านหนึ่ง ได้แก่ ทักษะความชำนาญ อันสร้างสมขึ้นจากการฝึกหัดปฏิบัติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการคิดวิเคราะห์หรือทักษะในวิชาชีพที่ได้เล่าเรียนมา
อีกด้านหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุด ได้แก่ คุณธรรมอันเป็นเครื่องประคับประคองคุ้มกัน ให้แต่ละคนนำความรู้ความสามารถและทักษะความชำนาญที่มีอยู่ไปใช้ปฏิบัติการทุกอย่างให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์แท้ ไม่เป็นโทษเป็นภัยทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม
หากบัณฑิตทุกคนหมั่นสร้างสมอบรมคุณสมบัติทั้ง 3 ด้านให้ถึงพร้อม และให้เพิ่มพูนขึ้นอยู่เสมอแล้ว แต่ละคนก็จะเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าทั้งของหน่วยงานและของชาติ เป็นผู้สามารถสร้างสรรค์ความดีความเจริญให้แก่ตนเองและชาติบ้านเมือง สมกับที่ได้สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตอย่างเต็มภาคภูมิ ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตใหม่ทุกคนและทุกท่านที่มาร่วมในพิธีนี้ มีความเจริญมั่นคงในชีวิตและกิจการงาน สมตามปณิธานปรารถนาจงทั่วกัน”