
จากความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานแม่และเด็กเพื่อแก้ปัญหาแม่และเด็กที่สำคัญนี้ทำให้ผมได้รับศรัทธาและความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมงานและผู้บริหาร จึงทำให้งานด้านอื่นๆของผมเช่นงานOSCC(One stop crisis center)ศูนย์ช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ถูกกระทำรุนแรงของรพชร.ซึ่งผมเป็นประธานกรรมการ “บ้านสคูล” (S_cool) หรือศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตวัยรุ่นเชียงราย สำหรับให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของวัยรุ่นเกี่ยวกับเรื่องเพศ เป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ที่ไม่หวังผลกำไรซึ่งผมเป็นประธานองค์กร งานกรรมการสงเคราะห์สถานพินิจเด็กและเยาวชน เชียงราย เพื่อช่วยเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่กระทำความผิดให้มีโอกาสกลับตัวเป็นคนดีซึ่งผมเป็นประธานคนแรกตลอดจนงานด้านอื่นๆที่ผมเป็นแม่งานมักประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
มีสิ่งหนึ่งที่ผมถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานให้สำเร็จ คือ “ความมุ่งมั่น” ยกตัวอย่างเช่นในราวปี2551ผมได้สมัครไปทำงานที่ รพ.นราธิวาสฯ เนื่องจากขาดแคลนสูติแพทย์ราว 2 สัปดาห์ครั้ง นั้นจำได้ว่า อ.นพ.ทนงสรรค์ สุธาธรรม ผตร.เขต 1 และ นพ.สุทัศน์ ศรีวิไล ผอ.รพชร.อดีตผอ.รพ.นราธิวาสฯเดินทางไปส่งด้วยตัวเองและมี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เป็น ผตร.เขตุ นราธิวาส รอรับด้วย อ.ทนงสรรค์ เคยบอกกับผมว่าให้น้องๆไปก็ได้ พิษณุไม่จำเป็นต้องไปเอง ผมบอกกับอ.ว่าถ้าผมไปเองจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีน้องๆจะได้อยากไปต่อจากผม ถ้าเราเองยังไม่กล้าไปแล้วขอร้องให้น้องๆไปคงจะไม่มีใครยอมไป หลังจากกลับมาแล้ว อ.ให้ผมเดินสายพูดเพื่อให้หมอรุ่นน้องเดินทางไปช่วย รพ.ที่ขาดแคลน ทำให้นโยบายนี้สำเร็จมีคนสมัครไปต่อจากผมอีกหลายคน
ในวันแรกที่เริ่มงานที่ รพ.นราธิวาส เป็นวันอาทิตย์ผมไปราวน์คนไข้ร่วมกับพชท.ปี 1สองคนจำได้ว่าคนหนึ่งชื่อ นพ.รุจฬี จบแพทย์จากปากีสถาน อีกคนจบมอ.ทั้งคู่มีความกระตือรือร้นและตั้งใจในการเป็นแพทย์ที่ดี นับถือศาสนาอิสลาม เช้าวันนั้นมีหญิงอิสลาม อายุ 45 ปี มาคลอดบุตรเมื่อคืน เป็นลูกคนที่ 15 คลอดง่ายเป็นเด็กเพศชาย น้ำหนักเพียง 2,400 กรัม ผมถามพยาบาลและน้องหมอว่าได้แนะนำเรื่องทำหมันแล้วยัง ทั้งหมดตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า คนไข้ที่นี่ไม่ทำหมัน คนไข้พูดไทยได้ ผมเริ่มสนทนากับคนไข้ด้วยความสนใจว่าผมเป็นหมอมาจากชร. ขอชื่นชมคุณแม่มากที่มีลูกหลายคน
ผมถามว่าลูกคนที่8 เป็นหญิงหรือชาย ชื่อจริงว่าอะไรจำ เธอคิดอยู่นานแล้วก็เริ่มไล่ชื่อและเพศตั้งแต่คนที่ 1 ถึง คนที่ 8 จึงตอบผมได้ ผมถามใหม่ว่า คนที่ 4 เพศอะไร ชื่ออะไร เธอตั้งท่าจะไล่ใหม่ผมจึงบอกว่าไม่ต้องแล้วล่ะ ผมถามหมอท่านหนึ่งว่าคุณแม่มีลูกกี่คน หมอตอบว่าสามคน ผมบอกว่าได้ดื่มนมทุกวันมั้ย หมอตอบว่าได้ดื่มทุกวันเช้าและก่อนนอน ผมบอกกับคนไข้ว่านมกล่องละ 5 บาท ตกวันละ10 บาทต่อคน คุณแม่มีลูก 15 คน อยากให้ลูกเรียนเก่งๆเป็นหมอ เป็นครู รับราชการเหมือนหมอทั้งสองคนหรือเปล่า วันหนึ่งเฉพาะค่านมลูก15คนก็ตกวันละ150บ.แล้ว ไหนจะค่าเล่าเรียน ค่าเสื้อผ้าชุดนร.อีกล่ะค่าใช้จ่ายมากมาย ไม่อยากให้ลูกเรียนสูงๆมีงานดีๆทำเหรอ ผมใช้เวลาคุยกับคนไข้นานราวครึ่งชม. ผมไม่ได้พูดขู่คนไข้เกี่ยวกับอันตรายที่จะเกิดกับแม่ที่มีลูกมาก เช่นตกเลือดหลังคลอดอาจทำให้เสียชีวิต เหมือนที่จนท.ของเราชอบทำกันคือขู่ให้กลัว แต่พยายามชี้ให้แม่ได้เห็นถึงอนาคตของลูกซึ่งผมเชื่ออย่างที่สุดว่าไม่มีแม่คนไหนหรอกที่ไม่อยากให้ลูกได้ดี ปรากฏว่าเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นในวันนั้น คนไข้วัย 45 ปี มีลูก15คนตัดสินใจทำหมัน สามีที่นั่งอยู่ข้างๆทำท่าโวยวายไม่ให้ทำ แต่คนไข้ยืนยันที่จะทำ ผมจึงให้คุณหมอรุจฬีเตรียมผ่าตัดทำหมันเช้านั้นเลย แม้ว่าจะเป็นวันเสาร์และคนไข้ไม่ได้อดอาหาร ก็ไม่เป็นไรผมจะใช้ยาชาเฉพาะที่ร่วมกับแก้ปวดหลับ ผมไปห้องผ่าตัดวันนั้นเหมือนเป็นฮีโร่(ผมใช้คำว่าเหมือนฟ้าผ่าห้องผ่าตัดในเช้าวันนั้น) เพราะไม่เคยมีคนไข้ทำหมันมานานกว่า 10 ปีแล้ว เครื่องมือที่ใช้เกี่ยวท่อนำไข่ไม่รู้อยู่ที่ไหนแล้ว ผมจึงได้สอนคุณหมอทั้งสองทำหมันหลังคลอดโดยการประยุกต์ใช้เครื่องมือที่มีอย่างง่ายๆไม่ได้รบกวนในช่องท้อง คนไข้ก็จะต้านไม่เบ่งทำให้ผ่าตัดเสร็จเร็วและปลอดภัย วันนั้นผมมีมีความสุขมาก
“ผมจึงมีความเชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่สำเร็จถ้าเรามีความมุ่งมั่นและทำในสิ่งที่มีความปรารถนาดีต่อคนไข้อย่างแท้จริง”
ผมถูกชักจูง ขอร้องแกมบังคับจากผอ.สุทัศน์ที่เป็นเพื่อนรักซึ่งย้ายมาเป็น ผอ.รพ.เชียงรายฯ ผู้ที่ผ่านการเป็น ผอ.รพ. มาหลายแห่ง ผมถือว่าเป็นนักบริหารมืออาชีพ หมอสุทัศน์เคยชวนผมให้เป็นผู้บริหารตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน ขณะที่หมอเริ่มเป็น ผอ.รพ.ครั้งแรกที่ รพ.สมุย และบอกเคล็ดลับกับผมถึงหลักการบริหารว่าใช้ความดีและ common sense จึงบอกว่าผมเหมาะสมที่จะเป็นนักบริหารที่ดีได้ เพราะเป็นคนประเภทเดียวกัน ขณะนั้นผมกำลังมีความสุข สนุกกับงานบริการ งานวิชาการและบริหารคณะทำงานเพื่อสร้างเครือข่ายจึงไม่ได้สนใจงานบริหาร รพ. อีกทั้งไม่มีโอกาสที่เหมาะสมด้วย ผอ.สุทัศน์บอกกับผมว่าถึงเวลาที่จะเป็นผู้บริหารแล้วหรือจะยอมให้สิ่งดีๆที่ผมสร้างมาจะต้องเสื่อมลงจากผู้บริหารคนอื่นที่ไม่เข้าใจ ไม่สนับสนุน ผมจึงยอมมาเป็น รอง ผอ.ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและการเงิน และมีโอกาสได้ไปอบรมนบส. (นักบริหารสาธารณสุขระดับสูง) รุ่นที่ 25 ที่วิทยาลัยสาธารณสุข นครปฐม ผมได้รับเลือกเป็นเอกฉันท์จากเพื่อนร่วมรุ่นให้เป็นประธานรุ่นโดยไม่ยอมให้มีคู่แข่ง ซึ่งในการอบรมครั้งนี้ผมได้รับประสบการณ์ดีๆมากมายจากครูใหญ่ คณาจารย์ และพี่ๆนักบริหารที่ช่วยกันดูแลฟูมฟักให้เป็น “นักบริหารที่ดี เก่งและมีความสุข” ซึ่งรุ่นนี้เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่จะต้องอยู่ในความทรงจำของวนส.และคณะอาจารย์เพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่วันแรกจวบจนวันสุดท้ายของการอบรม
ผมมีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจาก ผอ.สุทัศน์ เพื่อนสนิทอย่างมากมายที่สามารถนำไปใช้ในการทำงานในหน้าที่ผู้บริหารต่อไป ถึงแม้จะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ประสบการณ์ด้านการบริหารนั้นสามารถแนะนำผมได้มากมายทั้งยังเป็นคนที่ชักจูงผมขึ้นมาเป็นผู้บริหารต้องขอบคุณเพื่อนรักมา ณ ที่นี้ด้วย
เมื่อเริ่มทำงานด้านบริหารก็รู้เลยว่าจำเป็นที่จะต้องมีการสร้างนักบริหารรุ่นใหม่ทดแทน เนื่องจากผู้บริหารที่ดีและเก่งนั้นมีความสำคัญต่อองค์กรและงานสาธารณสุขมาก บางคนเหมาะที่จะเป็นนักวิชาการ บางคนเหมาะที่จะเป็นผู้บริหารแต่อาจยังไม่ชอบ เราจะต้องส่งเสริมและให้การสนับสนุนต่อไป
หมดสมัยแล้วที่จะส่งเสริมคนที่เราชอบเป็นการส่วนตัวเพื่อจะมาแทนที่ แต่ต้องดูที่ความสามารถ ความเหมาะสม โดยมองผลประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติเป็นสำคัญ การส่งเสริมคนดีเป็นหน้าที่สำคัญของผู้บริหาร และคงต้องใช้สายตาของผู้บริหารหลายๆคนช่วยกันมองหาคนรุ่นใหม่เพื่อนำมาขัดเกลาให้มีความพร้อมทุกด้านจะทำให้การทำงานคล่องตัวและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป สำหรับผมเมื่อได้สัมผัสผู้บริหารมากพอสมควรแล้วคิดว่าผู้ที่พร้อมจะเป็นผู้บริหารระดับสูงควรมีคุณสมบัติอย่างน้อย 4 ข้อ คือ 1.ต้องไม่มีภาระเรื่องรายได้ 2.ไม่มีปัญหาเรื่องครอบครัว (จะอยู่ที่ไหนก็ได้ และคนในครอบครัวเข้าใจเพราะผู้บริหารอาจมีปัญหาด่วนได้ตลอดเวลา) 3.มีเป้าหมายที่จะไปทำให้องค์กร และ 4.ต้องเป็นคนดี(รู้ตัวเองเพราะถ้าไม่ดีเวลามีเรื่องขึ้นมาจะถูกเปิดแผลนั้นได้)
ผมจำได้ว่าครูใหญ่ (อ.นพ.สุจริต) อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุขเคยเน้นเรื่องคุณสมบัติของผู้บริหารที่ดี ว่าข้อที่ยากและสำคัญที่สุดคือต้องหมั่นฝึกตนให้มีความอดทน เพื่อประพฤติตนเป็นคนดีเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับบุคลากรทุกคนในองค์กร จะทำให้เกิดความศรัทธาและส่งผลให้บริหารงานสำเร็จได้โดยง่าย
