
“ตอนนี้พวกเราติดอยู่บนหลังคาเป็นเวลากว่า 19 ชั่วโมงแล้ว ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเราเลย ต้องทำอย่างไร? เพื่อช่วยคนแก่กับคนป่วย ทำท่าจะไม่ไหวแล้ว วอนใครมาช่วยทีได้ไหม? ต้องการความช่วยเหลือด่วนๆๆ”
เป็นอีกหนึ่งโพสต์ในหลายร้อยโพสต์ที่ถูกส่งออกมาจากผู้ประสบชะตากรรมน้ำท่วมบ้าน ที่อยู่อาศัย และได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส !!
บางรายได้รับการช่วยเหลือออกมาได้ บางรายที่เรือเล็กเข้าไม่ได้ต้องเจ็ตสกีหรือเรือใหญ่ เพราะกระแสน้ำเชี่ยวมาก ก็ต้องต่อเวลาแห่งความระทมทุกข์ออกไปอีกไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมง? ไม่รู้ว่าความหิวโหยจะได้รับการเยียวยาเมื่อไหร่? และบนหลังคาแห่งนั้นจะต้องทนอยู่กับฝนที่กระหน่ำอย่างไม่หยุดหย่อน ความหนาวเย็น ความหิวโหย ไม่ปรานี ไม่ว่าคุณจะเป็นคนฐานะใด ในยามที่เงินในกระเป๋าไม่ได้ช่วยให้ความทุกข์ระทมนี้ลดหายตายจากไปในเวลาที่รวดเร็วได้
เด็กเล็ก คนแก่ คนป่วย ต้องนับเวลาถอยหลังอีกนานแค่ไหนกว่าความช่วยเหลือนั้นจะมาถึง !!
จากวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่คราวนี้…ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะของกรมชลประทาน บอกว่า ที่ตัวเมืองหาดใหญ่ต้องจมอยู่ในน้ำยามนี้ เนื่องจากปริมาณฝนตกหนักในรอบ 300 ปี มีปรากฏการณ์ระเบิดฝน(rain bomb)ร่วม จนเป็นวิกฤติแสนสาหัสในเวลานี้
ข้อมูลจากวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 สนง.พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์กรมหาชน) หรือจีสต้า (Gistda) เปิดข้อมูลดาวเทียมที่ชี้ให้เห็นว่า น้ำท่วมหาดใหญ่เกิดความเสียหายที่รุนแรงและเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะต่อโครงสร้างพื้นฐานและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่“อำเภอหาดใหญ่” ดังนี้
ประชาชน : ได้รับผลกระทบประมาณ 150,230 คน
ที่อยู่อาศัย : ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 25,102 หลังคาเรือน
สถานที่สำคัญ : ได้รับผลกระทบ โรงเรียน 47 แห่งและโรงพยาบาล 8 แห่ง
เส้นทางคมนาคม : ได้รับผลกระทบ 536 กิโลเมตร
พื้นที่ระดับน้ำท่วมวิกฤติตั้งแต่ระดับเอวคือ 1 เมตร, ระดับท่วมมิดหัว 2-3 เมตร,ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตหาดใหญ่อำเภอเดียว และที่หนักมากคือท่วมในระดับลึกมาก 4 เมตรอีกหลายพื้นที่
นี่ถ้านับทั้งจังหวัดมีผู้เดือดร้อนกว่า 697,231 คน, 2.7 แสนครัวเรือน !!
ถ้าจะว่าไป…ภัยจากน้ำท่วมหาดใหญ่และจังหวัดสงขลา มักเกิดในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ของทุกปีและเคยเกิดน้ำท่วมหนักมาแล้วเมื่อปี 2531 ปี 2543 และปี 2553 ปัจจัยสำคัญคือเกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำ หรือมีพายุหมุนเขตร้อนพัดผ่านเข้าทางภาคใต้ของประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนัก เกิดน้ำหลากจากภูเขาลงสู่คลองอู่ตะเภาซึ่งเป็นเส้นทางน้ำหลัก
คลองอู่ตะเภาไหลผ่านเมืองหาดใหญ่ไปลงทะเลสาป ปลายทางคือแหลมโพธิ์ โดยสรุปคือไม่ว่าจากต้นน้ำในอำเภอสะเดา อำเภอคลองหอยโข่ง ล้วนมีคลองสาขาที่หลากหลายชื่อ ต่างไหลลงสายหลักคลองอู่ตะเภา…เมื่อปริมาณน้ำฝนมากประกอบกับช่วงน้ำทะเลหนุน ระบายออกไม่ทัน
หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำตามสภาพภูมิศาสตร์…ก็จะท่วมทันที !!
ทำไม ? เหตุวิกฤติน้ำท่วมคราวนี้หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปที่รัฐบาล อันเป็นต้นตอความโกลาหล ชะล่าใจ ไม่เตรียมพร้อม ต่อการจัดการภัยพิบัติครั้งนี้ !!
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) อ้างว่ามีการแจ้งเตือนผ่าน SMS ล่วงหน้าแล้วถึง 48 ชั่วโมงและส่งไปกว่า 7 ครั้งว่าจะมีน้ำท่วม แต่อีกด้านของผู้ประสบภัยกลับบอกว่า การแจ้งเตือนครั้งแรกได้รับเมื่อน้ำมันมาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นมันยังไม่สูงมากนัก จึงไม่ได้อพยพ เพียงแต่เอาข้าวของเครื่องใช้ รถยนต์ ขึ้นไว้ที่สูงแต่จากนั้นเพียง 2 ชั่วโมงน้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว จนหลายคนอพยพไม่ทัน
อีกเรื่องที่สะท้อนความ’ความไม่ใส่ใจ‘ ในการเตรียมพร้อมของรัฐบาล คือข้อมูลที่รู้กันดีว่าปีนี้ประเทศไทยเจอน้ำท่วมในทุกภาค แถมยังมีภาวะลานีญ่า ซึ่งทำให้อากาศแปรปรวนได้ แต่กลับไม่ตั้งศูนย์บัญชาการที่จะเป็นแม่งานในการรับมือน้ำท่วม และเพิ่งมาจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำฯก็เมื่อวิกฤติหนักแล้ว
และมีผู้คนเสียชีวิตไปหลายรายแล้ว !!
มีอาสากู้ภัยบางรายที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน หาดใหญ่ ยืนยันว่าจากประสบการณ์ 14 ปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ถือว่าเลวร้ายที่สุด ไร้การบริหารจัดการที่ดี
ในขณะที่เขาและอาสากู้ภัยคนอื่นๆพยายามอพยพผู้ประสบภัยออกจากบ้านที่ถูกน้ำท่วมมิด เมื่อพาไปยังจุดที่น้ำท่วมไม่ถึงแล้ว กลับไม่มีทั้งรถพยาบาล หรือแม้แต่หน่วยงานเข้ามารับตัวไปดูแลต่อ หลายคนจึงนั่งรอ นอนรอ อย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งคนเหล่านั้นเดินมาบอก”ช่วยเอาป้ากลับไปที่เดิมได้ไหม“
จึงได้แต่ส่งกำลังใจไปยังเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวใต้ผู้ได้รับภัยพิบัติ ไม่ว่าที่สงขลา-สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช-ตรัง-พัทลุง-สตูล-ปัตตานี-ยะลา และนราธิวาส ที่น้ำยังท่วมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
แม้ระบบการจัดการน้ำต่างจากภาคเหนือ ภาคกลาง แต่สุดท้ายหวังว่าเราจะผ่านวิกฤติหนักครั้งนี้ไปได้ในที่สุด !!!
