ถ้าความจำของทุกคนยังอยู่ในระดับปกติ ก็คงไม่ลืมว่าเมื่อเดือนมีนาคมของต้นปีที่
ผ่านมา อำเภอแม่สายที่อยู่ติดชายแดนเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ ได้เกิดปัญหาหมอก
ควันพิษในระดับเลวร้ายต่อเนื่องนับสิบวัน !!!
ที่ว่าเลวร้ายนั้นคือ ค่าฝุ่น PM 2.5 ทุ่งแตะระดับ 568 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร !
เราคงได้เห็นภาพแม่สายช่วงนั้น เหมือนมีหมอกปกคลุม มืดครึ้ม เป็นภาพที่ทนักกว่าภาพเมืองในหมอก
ของฤดูหนาวทั่วๆไป จนชาวแม่สายอตรนทนไม่ไหว พากันเดินซบวน แสดงพลัง กันไปตามท้องถนนและไปหยุด ยื่นหนังสือที่หนำาที่ว่าการอำเภอ เรียกร้องให้ทางการแก้ปัญหาด่วน !!
เพราะมันกระทบทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างรุนแรง ชนิด 10 ผ่านมายังไม่เคยเจอ
มาดูข้อเรียกร้องของชาวแม่สายในวันนั้นกันหน่อยเป็นไร แต่ละเรื่องแต่ละข้อถ้วนน่าสนใจ ผ่านนาย อำเภอไปถึงผู้ว่าราชการ จนถึงรัฐบาล…และผ่านมาเกือบปีแล้วได้รับการตอบสนองไปแค่ใหน ? อย่างไร ?
1.ระยะเร่งด่วน
-ให้ภาครัฐประกาศเซตภัยพิบัติฉุกเฉินทันที เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน โดยให้หน่วยงานด่างๆในพื้นที่ สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นควัน PM 2.5 เช่น หน้ากากอนามัย ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องฟอกอากาศ ฯลฯ สำหรับประชาชนอย่างเร่งด่วน
– ให้ผวจ.เชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวซ้องในพื้นที่ เร่งหารือการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน ซึ่งเป็นผลกระทบต่อประชาชน จากการทำเกษตรกับรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ และสปป.ลาว
– ให้เราแจ้งประทศเพื่อนบ้านให้ลด หรืองดการผาในพื้นที่ป่า และพื้นที่การเกษตรในช่วงสถานะการณ์คุณภาพอากาศย่ำแย่ โดยยึดข้อตกลงอาเซียน ว่าด้วยมลพิษหมอกควันข้ามแดน ซึ่งสมาชิกอาเซียนทุกประเทศได้มีการลงนามร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2002
– ให้มีการเฝ้าระวังและป้องปราม การลักลอบเผาป่าในเซดชายแดนของประเทศอย่างรัดกุม และ
สนับสนุนอุปกรณ์ เครื่องมือ อย่างเพียงพอแก่กลุ่มเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่า
- ระยะยาว-เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
-ให้รัฐบาลกำหนดเกณฑ์คำมาตรฐานของสภาพอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เพื่อประกาศเป็นเซตภัยพิบัติฉุกเฉินให้ซัดเจน
– ให้จังหวัดและอำเภอแม่สาย จัดทำแผนรับมือสถานะการณ์ ผลกระทบจากปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นรูปธรรม และแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติของภาคส่วนต่างๆ ในอนาคต
-ให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ศึกษาผลกระทบ การนำเข้าเสริ(AFTA)ข้าวโพคเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีผลให้เกิดการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มากขึ้น ซึ่งเป็นสาเทตุสำคัญของปัญหาการเผาป่า และปัญหาหมอกควันจากการเผาพื้นที่เพื่อทำเกษตร และให้ยกเลิกอัตราการเก็บภาษีนำเข้าข้าวโพดร้อยละ 0%
-ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชิญผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้นำเข้าข้าวโพคเลี้ยงสัตว์ เจรจาหารือหาแก้ปัญหาการเผาข้าวโพด และผลกระทบต่างๆจากการท่การเกษตร ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน
– ให้รัฐบาลยกระดับการแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ให้เป็นปัญหาระดับภูมิภาคอาเซียนเพื่อให้มี
มาตรการแก้ปัญหาร่วมกับชาติสมาชิกอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรมยั่งยืน
เราเห็นพ้องด้วยกับข้อเสนอแนะของ”เครือข่ายภาคเอกชนและประชาชน อ.แม่สาย “ที่ประกาศ
ท่ามกลางกลุ่มหมอกควันพิษที่ปกคลุมเมืองแม่สายจนมืดมิดในวันนั้น !!!
ขณะเดียวกัน…ด้านกรมควบคุมมลพิษ (คพ.)แถลงความห่วงใยในเรื่องนี้ด้วยว่า…”เอลนีโญจะมีกำลังแรงตั้งแต่ปลายฤดูฝนปี 2566 ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงฤดูร้อนปี 2567 อุณทภูมิเฉลี่ยมีแนวโน้มจะสูงกว่าปกติทำให้อากาศร้อนและแล้งมากขึ้น ปริมาณฝนรวมมีแนว โน้มที่ต่ำกว่าคำาปกติ 10% ซึ่งจะส่งผลให้สถานะการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในปี 2567 จะมีความรุนแรงมากขึ้น”
อย่าคิดว่านี่เป็นความรู้สึกกระต่ายตื่นตูมเลยนะครับ !!
เพราะถ้าแต่ละมาตรการที่เตรียมกันมาและยังถูกเก็บในลิ้นชัก ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่า ปีนี้ก็เหมือนปีก่อนๆที่เราต้องผจญชะดากรรมกันตามลำพังอย่างหลีกเสี่ยงไม่ได้
เช่นเคย !!
……………………..จบจบจบจบ……………………….