
ผู้ตอบแบบสอบถามคือ ผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นผู้ประกอบการ โดยแบบสอบถามแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ 1) ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 2) สถานการณ์อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร (ปัญหาและอุปสรรค) 3) ความต้องการในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมอาหาร และ 4) ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมอาหารในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 2 สรุปได้ดังนี้
1. ข้อมูลทั่วไป
มีผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวนรวมทั้งสิ้น 48 คน เป็นหญิง 32 คน และชาย 16 คน ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 เป็น 1) มีอายุระหว่าง 25-45 ปี 2) จบการศึกษาระดับปริญญาตรี และ 3) เป็นเจ้าของกิจการ โดยประกอบกิจการด้านการแปรรูปอาหารและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม พืชผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ข้าว สาหร่าย เห็ด และถั่วลิสง เป็นต้น มีลักษณะหรือประเภทของกิจการเป็นวิสาหกิจชุมชนมากที่สุด รองลงมาคือประเภท SMEsชนิดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผัก ผลไม้สดและผลิตภัณฑ์ เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ข้าว ธัญพืช แป้งและผลิตภัณฑ์ และ ชา กาแฟ โกโก้ เป็นต้น ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีรายได้ประมาณ 100,001-500,000 บาท และบางรายประมาณ มากกว่า 1,000,000 บาท สำหรับขนาดกิจการ ส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็ก โดยมีคนงาน 1-7 คน มากที่สุด แต่ก็มีบางโรงงานที่มีจำนวนกว่า 20 คนขึ้นไป
ช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะขายในจังหวัดน่านมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ และภายในประเทศ โดยมีการส่งออกไปต่างประเทศเพียงเล็กน้อย เมื่อสอบถามถึงการได้รับรองมาตรฐานสินค้าที่ผลิต จำนวน 74 รายการ พบว่า ร้อยละ 35.14ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน โดยมีหมายเลข “อย” ติดบนสลากแสดงสินค้า นอกจากนี้เป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และผ่านการรับรองหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร ผู้ประกอบการในจังหวัดน่านส่วนใหญ่ไม่มีการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ สำหรับหน่วยงานที่มีนั้นเพราะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถตัดสินใจและรับผิดชอบในประสานงานในการวิจัยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร โดยส่วนใหญ่มีโครงการพัฒนา อย่างน้อย 1 โครงการ ต่อปี ส่วนหน่วยงานอื่นๆ รองลงมา ประมาณ 2-5 โครงการต่อปี การวิจัยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร โดยส่วนใหญ่จะประสานงานและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ และสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น กรมปศุสัตว์เกษตรประมง กระทรวงอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยและพัฒนาอาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ UBI ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพะเยา และมหาวิทยาลัยมหิดล
ในส่วนของความต้องการในการเพิ่มพูนทักษะและความรู้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความต้องการ 3 อันดับแรก คือ อันดับ 1 การบรรจุภัณฑ์และฉลาก อันดับ 2 การควบคุมและประกันคุณภาพและความปลอดภัย และอันดับ 3 ซึ่งมีความต้องการใน 2 หัวข้อ คือ การสำรวจผู้บริโภค และโภชนาการ
2. สถานการณ์อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร (ปัญหาและอุปสรรค)
2.1 วัตถุดิบ เช่น ปริมาณ คุณภาพ การเก็บรักษา การตลาด การจัดการ
ด้านปริมาณ
- ขาดแคลนวัตถุดิบ (เช่น กาแฟดิบ มะม่วงแก้ว มะไฟจีน ผัก แก้วมังกร สาหร่าย ข้าว ปลา) ทำให้วัตถุดิบมีราคาแพง
- มีปริมาณไม่สม่ำเสมอ
- มีปริมาณการผลิตไม่ต่อเนื่อง
- ไม่สามารถควบคุมการปลูกได้ เนื่องจากเป็นพืชหมุนเวียน
- มีปริมาณมาก (เช่น กล้วยน้ำว้า) ต้องการแปรรูปเพิ่มจากเดิม
ด้านคุณภาพ
- คุณภาพวัตถุดิบลดลงระหว่างการเก็บรักษา
- ผลผลิตไม่ได้ตามคุณภาพมาตรฐานของผู้รับซื้อ
- ขนาดไม่ได้มาตรฐาน (เช่น ปลา ทำให้ต้องสั่งปลามาจากภาคกลาง)
ด้านการเก็บรักษา
- ขาดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
- คุณภาพการจัดเก็บต้องจัดการเรื่องแมลง มอด ไม่มีกระบวนการการอบแห้งข้าว
ด้านการตลาด
- ขาดระบบการวางแผนธุรกิจ
ด้านการจัดการ
- ขาดระบบการจัดการวัตถุดิบและการพัฒนาคุณภาพ
2.2 กระบวนการผลิตและเทคโนโลยี (เช่น เครื่องจักร กำลังการผลิต ความทันสมัย)
ด้านเครื่องจักร
- ปริมาณไม่เพียงพอ เช่น ตู้อบลมร้อน
- มีความต้องการเครื่องจักรสำหรับกระบวนการผลิต เช่น
- เครื่องมัดลวดถุงแหนม (ต้องใช้ยางรัดมัดถุงแหนมแทน)
- เครื่องสับผสม
- เครื่องคัดแยก
- เครื่องบรรจุแบบสุญญากาศ (โรงสีข้าว)
- เครื่องบรรจุและปิดผนึก
- เครื่องจักรทุ่นแรงเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
- เครื่องทอดแบบสะเด็ดน้ำมัน (เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการทอดสาหร่าย ต้องใช้กระดาษซับน้ำมัน ทำให้ล่าช้าต่อการผลิต)
- อุปกรณ์บางอย่างที่ได้รับจากหน่วยงานต่างๆใช้ในกระบวนการผลิตไม่ได้ตามที่เป้าประสงค์
- ด้านกำลังการผลิต
- กำลังการผลิตไม่เพียงพอเนื่องจากขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ
- ยังไม่มีกำลังผลิต เนื่องจาก
- ขาดแหล่งทุน
- ขาดเทคโนโลยีและเครื่องจักรในการผลิต
- แรงงานขาดความชำนาญ
- ไม่มีข้อมูลการแนะนำเข้าสู่แหล่งผลิตและจำหน่ายเครื่องจักร เมื่อต้องการขยายการผลิตเชิงพาณิชย์
- ไม่มีแหล่งสำหรับทดลองผลิตหรือทดสอบก่อนนำไปผลิตจริง
ด้านความทันสมัย
ขาดแคลนเครื่องจักรที่ทันสมัย (ต้องใช้แรงงานคนเป็นกำลังผลิต ทำให้ผลิตไม่ทันความต้องการของตลาด) เช่น
- เครื่องจักรสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ข้าวกล้องดอย ชาสมุนไพรชงดื่ม
- เครื่องบรรจุ
- เครื่องจักรในโรงคั่ว โรงตาก โรงเก็บ
- เครื่องสี
- เครื่องบรรจุ
- เครื่องปั่น
- เครื่องหั่น
- เครื่องสไลด์หนัง
2.3 คุณภาพผลิตภัณฑ์ (เช่น อายุการเก็บรักษา บรรจุภัณฑ์ มาตรฐาน)
ด้านอายุการเก็บรักษา
- อายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ค่อนข้างสั้น
ด้านบรรจุภัณฑ์
- ขาดความรู้ในด้านวัสดุศาสตร์ที่เหมาะสมแก่การนำไปใช้บรรจุภัณฑ์,
ด้านมาตรฐาน
- สินค้าที่ผลิตยังไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน จึงยังไม่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์รองรับ
2.4 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น แนวคิด เงินทุน บรรจุภัณฑ์
ด้านแนวคิด
- ต้องการแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และเพิ่มผลิตภัณฑ์มีหลากหลายขึ้น
- ต้องการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ การขอ อย. และคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ใหม่และการทดสอบด้านการตลาด
- ความรู้เกี่ยวกับการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ก่อนการตัดสินใจพัฒนาผลิตภัณฑ์
- ต้องการงานวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นนวัตกรรม
- ขาดการสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิชาการในพื้นที่ เช่น ในการคิดค้นสูตรและกระบวนการผลิต ต้องการคำแนะนำจากหน่วยงานที่เชี่ยวชาญ
ด้านเงินทุน
- ขาดแหล่งเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ต้องใช้เงินสูง ซึ่งผู้ประกอบการยังมีทุนไม่มากพอ
- ต้องการเข้าถึงแหล่งทุนช่วยเหลือด้านการวิจัย
ด้านบรรจุภัณฑ์
- บรรจุภัณฑ์ไม่ทันสมัย
- ต้องการพัฒนาวิธีการบรรจุและบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดอายุ
- ต้องการความช่วยเหลือในการวิจัยและพัฒนาด้านฉลากโภชนาการ
- ความสอดคล้องของบรรจุภัณฑ์และคุณภาพสินค้า