คอลัมน์ » เส้นทางชีวิตหมอณุ จากสวนดอก สู่ อุบลราชธานี เบตง เชียงราย น่าน (ตอนที่4)

เส้นทางชีวิตหมอณุ จากสวนดอก สู่ อุบลราชธานี เบตง เชียงราย น่าน (ตอนที่4)

17 ตุลาคม 2025
50   0

สู่เชียงราย ผมกับหมอพัชรีขับรถเก๋งโตโยต้าไฮลักซ์ บรรทุกเครื่องใช้ที่จำเป็นจาก กทม.เดินทางไปทำงานที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ โดยแวะค้างที่บ้านลำปาง 1 คืน

ไปถึงรพ.เชียงรายฯ วันแรก ได้รับความเอาใจใส่ดูแลจาก อ.พญ.เรณู ศรีสมิต ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้ากลุ่มงานสูตินรีเวช รพชร. ท่านแสดงความยินดีมากที่ผมมาอยู่ด้วยและตลอดเวลาที่อยู่เชียงรายท่านดูแลผมเหมือนเป็นน้องชายคนหนึ่ง ทำให้รู้สึกอบอุ่นตลอดเวลาที่อยู่ รพชร.

โดยปกติผมจะเป็นคนชอบวิชาการและชอบสอนจึงริเริ่มทำ perinatal conference ระหว่างกลุ่มงานสูตินรีเวชกับกลุ่มงานกุมารฯ ทุกเดือน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและยังจัดเป็นประจำถึงปัจจุบัน

ก่อนที่ผมจะมาใช้ทุนอยู่ที่ รพชร. บรรดาอาจารย์ที่ราชวิถีเห็นพ้องกันที่จะขอตัวผมกลับไปเป็นอาจารย์ที่รพ.ราชวิถี ผมทำงานได้ราว 3-4 เดือน ก็ได้รับโทรเลขจาก อ.พญ.เผ่าประยูร ถามว่าไม่อยากกลับไปทำงานที่ราชวิถีหรือจดหมายถึงผอ.รพ.เชียงรายฯ3ฉบับแล้วไม่เห็นตอบว่าอย่างไร

รุ่งขึ้นผมและหมอพัชรีจึงเข้าพบ อ.นพ.สมบัติ อินทรลาวัลย์ ผอ.รพชร.ในสมัยนั้น ท่านบอกกับผมว่าจม.ยังอยู่ในลิ้นชักทั้ง 3 ฉบับ ท่านอ่านแล้วแต่ไม่ได้แจ้งให้ผมทราบ ผมยังจำได้ว่าท่านได้พูดว่ากับผมว่า

“หมอลองคิดดูก็แล้วกัน ผมเพิ่งจะได้เพชรเม็ดงามมาเม็ดหนึ่ง ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมก็มีคนมาขอไป ผมจะคิดอย่างไร หมอช่วยสร้างสิ่งดีๆให้ รพ. เชียงรายฯสักปีสองปีก่อนจะได้ไหม” 

สมัยนั้นถ้าต้นสังกัดยอมให้ย้ายได้ ทางรพ.ราชวิถี (สังกัดกรมการแพทย์) สามารถขอโอนตัวย้ายข้ามกรมได้โดยไม่ต้องใช้ทุน แต่ถ้าทางต้นสังกัดไม่อนุญาตผมต้องใช้ทุนสี่แสนบาทเพื่อไปรับราชการใหม่ที่รพ.ราชวิถี ซึ่งจะส่งผมไปอยู่กับโปรเฟสเซอร์กรีนที่โอ็คแลนด์ เนื่องจากได้คุยกันไว้ก่อนแล้วและอาจารย์แผนกสูตินรีเวช รพ.ราชวิถี ส่วนใหญ่จะไปเรียนต่อที่นี่

ทำให้ผมได้พบว่าผู้บริหารที่เก่งและเข้าใจคนจะสามารถประสบความสำเร็จในการเอาชนะใจคนได้โดยง่าย จากคำพูดของ ผอ.สมบัติ ในวันนั้นทำให้ผมอยู่ รพ.เชียงรายฯ มานานถึง 28 ปี

หลังจากอยู่ ชร.ได้ร่วมปีใช้ชีวิตกับหมอพัชรีสองคน หลังเลิกงานไม่รู้จะทำอะไร ดูวิดิโอที่เช่าจากร้านในเชียงรายจนหมดทุกเรื่องแล้ว เพื่อนๆก็เปิดคลินิกกันเกือบทุกคน ขณะนั้นที่ รพชร. มีวัฒนธรรมที่ดีงามในการเปิดคลินิก แพทย์จะเปิดเฉพาะเวลาเย็นในวันราชการ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงามไม่มีการเบียดบังเวลาราชการ ผมเคยมีโอกาสพูดคุย กับ อ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว ผอ.คนแรกของรพเชียงรายฯ เรื่องการทำคลินิก ท่านบอกว่าสมัยท่านก็เปิดคลินิกเหมือนกันมีลูกหลายคน ลำพังเงินเดือนไม่พอใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนไข้ในตลาดมาหาบ้าง ตัวท่านเองทำงานที่ รพ.ถึงทุ่มสองทุ่มทุกวัน เมื่อมีคนไข้มาก็จะออกไปตรวจที่คลินิก พอได้ค่าขนมให้ลูกบ้าง แสดงว่าค่าตอบแทนแพทย์นั้นได้ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับหน้าที่รับผิดชอบมาช้านานแล้ว

ถ้าให้ค่าตอบแทนที่มากพอ คงจะไม่มีความจำเป็นต้องเปิดคลินิก จะได้ทุ่มเททำงานให้กับราชการได้เต็มที่ และไม่มีเรื่องธุรกิจมาทำให้เกิดการบริการสองมาตรฐาน

สำหรับตัวผมเองถือหลักว่าแม้เราจะมีคนไข้พิเศษส่วนตัว เราก็ต้องดูแลคนไข้ทั่วไปในความรับผิดชอบให้ดีเช่นกัน ไม่เลือกที่จะดูแลแต่คนไข้ส่วนตัวจนทอดทิ้งคนไข้ทั่วไป ผมปฏิบัติงานเป็นสูติแพทย์เปิดคลินิกรับฝากครรภ์มาเกือบ 30 ปี ไม่เคยมีเรื่องร้องเรียนแต่อย่างใด

ผมจึงตัดสินใจเปิดคลินิก “สนง.แพทย์พิษณุ-พัชรี” ชื่อเท่ห์ดี ตามอย่างคลินิกของ ผอ.สมบัติ เปิดช่วง 5โมงเย็น ถึง 2 ทุ่ม วันจันทร์ถึงศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ เปิดเช้า 09.00-12.00 น.

พอเริ่มเปิดคลินิกรู้เลยว่ามีภาระที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นความรับผิดชอบที่ผูกพันกับคนไข้โดยเฉพาะคนท้องที่ต้องการฝากพิเศษให้ทำคลอดด้วย จะไปไหนต้องวางแผนไว้ล่วงหน้านานพอควร และฝากคนไข้ให้เพื่อนร่วมงานช่วยดูแลแทนด้วย

สมัยนั้นผมทำคลอดแบบไม่เจ็บ โดยใช้ epidural block (ฉีดยาชาที่ออกฤทธิ์ยาวเข้าหลัง) แบบ single shot จำได้ว่าเคยเก็บรวบรวมเคสไว้มากถึง 5,000 ราย แต่ไม่ได้เขียนรายงานทางการแพทย์ เพราะไม่ได้เป็นวิสัญญีแพทย์ ทำให้ไม่เจ็บปวดจากการคลอดมากนัก เมื่อผมทำคลอดทุกครั้ง ผมจะวางเด็กบนหน้าท้องคุณแม่ ลูบหลังตบก้นกระตุ้นให้ร้อง พร้อมกับสอนเด็กตั้งแต่แรกเกิดว่า

“ให้เป็นเด็กดี รักคุณพ่อคุณแม่ รักสิ่งแวดล้อมรักโลกของเรา” 

            คนไข้มีความสุขจากการคลอดเนื่องจากไม่เจ็บปวดมาก ทุกครั้งที่ทำคลอดหรือผ่าตัดผมจะผิวปาก ร้องเพลงไปด้วย เพราะผมเชื่อเสมอว่า  

ถ้าแพทย์หรือ surgeon หัวหน้าทีมรักษาอารมณ์ดี ลูกทีมก็จะไม่เครียด การรักษาหรือทำผ่าตัดจะราบรื่น และสำเร็จเรียบร้อยเป็นอย่างดี แต่ถ้าศัลยแพทย์อารมณ์เสียหงุดหงิดจะทำให้ผู้ช่วยกลัว การผ่าตัดยิ่งผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้น กรณีเจอเคสที่ยากผมจะบอกลูกทีมทุกคนดังๆว่า “ใจเย็นๆค่อยๆทำเดี๋ยวก็เสร็จ” คงเป็นเพราะผมจะทำตัวเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้วจึงพร้อมที่จะรับฟังคำสอน เพื่อเอาไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์เสมอ ในขณะที่เรียนอยู่ที่ รพ.ราชวิถี ทุกครั้งที่มีโอกาสผมจะเข้าช่วยผ่าตัดกับอาจารย์ทุกคนจนบ่อยครั้งที่ อ.อนุญาต ให้ทำผ่าตัดเคสส่วนตัวหรือชวนไปช่วยผ่าตัดในวันหยุดที่ รพ.เอกชน ด้วยทำให้ได้เห็นวิธีผ่าตัดที่สวยงาม ประณีต และการแก้ปัญหากรณีที่มีความยุ่งยากขณะผ่าตัด ผมเชื่อว่าการควบคุมอารมณ์ในขณะที่เผชิญกับสถานการณ์ที่คับขันเป็นสิ่งจำเป็นที่แพทย์ทุกคนต้องฝึกเนื่องจากงานของเราขึ้นอยู่กับความเป็นความตายของชีวิตคน

ที่คลินิกของผมไม่สนับสนุนให้ฝากคลอดพิเศษ โดยหมอพัชรีผู้จัดการจะแนะนำคนไข้ทุกคนว่าเรามีหมอเวรที่อยู่เวรตลอดเวลาเป็นหมอที่จบเฉพาะทางสามารถช่วยเหลือได้ทุกเวลาอยู่แล้ว หมอพิษณุก็เดินทางไปสอนหนังสือบ่อยไม่ค่อยได้อยู่ทุกวัน ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เราได้สื่อกับคนไข้ไว้ก่อนทำให้คนไข้เข้าใจตั้งแต่แรก ผมกับหมอพัชรีตกลงกันไว้ก่อนตั้งแต่เปิดคลินิกว่าเราไม่ได้มุ่งหวังว่าจะต้องร่ำรวยเพียงแค่ได้ช่วยเหลือคนไข้ที่ไม่ว่างจะไป รพ. เพื่อพบเราหรือต้องการความเห็นที่สอง ผมไม่เคยใช้สิทธิว่าเป็นคนไข้ส่วนตัวต้องจองห้องพิเศษให้ด้วย หรือได้คิวผ่าตัดเร็วกว่าคนอื่น กรณีที่เป็นคนไข้นรีเวชผมถือว่าป่วยเป็นโรคถ้าต้องทำผ่าตัดจะทำการรักษาให้โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ จึงทำให้เรามีความสุขไปไหนก็มีแต่คนไข้ที่เข้ามาทักทายตลอดแม้แต่ปีนี้ก็มีคุณหมอจบใหม่หลายคนมาขอถ่ายรูปด้วยว่าผมเป็นคนทำคลอดให้ คุณแม่ตั้งใจให้เป็นคุณหมอเหมือนคุณลุงหมอ ที่ชร.พ่อแม่หลายคนขออนุญาตตั้งชื่อลูกว่าพิษณุ จึงมีคนชื่อพิษณุมากมายที่ ชร. ทำให้รู้สึกปลื้มใจที่สุด และใช้เป็นแรงบันดาลใจให้เป็นเด็กดีได้



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า