
นับเป็นเรื่องอุกอาจมากไปหน่อย สำหรับคนอย่างเราๆซึ่งบวชเรียนมาก็น้อยนิด และใช้ชีวิตทั้งที่ผ่านมาและจนถึงวันนี้ที่นับว่าห่างวัดห่างวาอยู่ไม่น้อย…จะมาเขียนถึงวงการพระสงฆ์องค์เจ้ากับเขาสักครั้ง!!
พระที่ห้อยอยู่บนคอ กับพระที่บูชาบนหิ้งในบ้าน กราบไหว้ได้แบบไม่เคยทำให้ปวดร้าวใจ
เช่นเดียวกับพระพุทธรูปในอุโบสถตามวัดไม่ว่าวัดเล็กวัดใหญ่ วัดในเมืองหรือวัดบ้านนอกบ้านนา ได้กราบสักการะแล้วมีแต่ความสบายอกสบายใจ อธิษฐานถ้อยคำใดได้พลังใจกลับมาเสมอ ด้วยหัวใจของความเป็นชาวพุทธ นี่คือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้มุ่งมั่นดำเนินชีวิตไปบนหนทางแห่งความดี จะทำได้มากได้น้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง
เพราะขอแค่ท่องหิริโอตตัปปะไว้ในใจ ก็ห่างความจัญไรทั้งปวงได้แล้ว !!
ที่เกริ่นเรื่องนี้มายืดยาวก็เพราะสองวันที่ผ่านมา ท่องโลกออนไลน์ไปพบเรื่องราวของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่เห็นจากภาพคือท่านแสวงสันโดษ จากวัดในเมืองไปอยู่ป่าตามประสาที่ท่านต้องการเพียงรูปเดียว พร้อมทั้งมีข้อความประกอบภาพ 5-6 ข้อ ซึ่งล้วนแต่เป็นการสะท้อนภาพที่เป็นจริงในโลกของสงฆ์ในปัจจุบันได้เป็นที่ถูกใจเหล่าผู้รักธรรมยิ่งนัก
อดไม่ได้ที่จะสะใจกับความคิดของท่าน จนต้องขอนำมาเผยแพร่กันต่อ…
“ทำไม…?! จึงทิ้งวัดมาอยู่ป่ารูปเดียว
- เบื่อสังคม-ที่มีแต่ความเละเทะ วุ่นวาย แล้วจัดการอะไรไม่ได้เลย
- มีแต่รายการขายบุญ-เอะอะอะไรก็อ้างบุญ ทำบุญแล้วจะได้ในสิ่งที่ต้องการ เป็นต้น
- มีแต่พุทธพาณิชย์-ความงมงายที่กระจายไปทั่ว โดยฝีมือพระสงฆ์ จากการทำพิธีกรรมในหลากหลายรูปแบบ และจากการปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ
- มีแต่สร้าง-สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตแข่งกัน ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงเน้นให้สร้างคน ให้เป็นมนุษย์
- ทุกวันนี้พระเน้นเงินเป็นหลัก แทนที่จะเน้นธรรมะเป็นหลัก
เพียงเท่านี้ก็คงเพียงพอกับความเอือมระอาต่อผู้คนในวงการนี้ อาตมาคิดอยู่นานเป็นปี ว่าถ้าเราลองไปอยู่รูปเดียว แล้วไม่ต้องสร้างอะไรเลย ดูซิว่าจะอยู่ได้มั๊ย…?! และยังสามารถเผยแผ่ธรรมได้ตามปกติหรือเปล่า…?!
พอดีได้ติดต่อกับเพื่อนในเฟสท่านหนึ่ง คือคุณประภาศรี ศรีหร่าย คุณโยมรับอาสาว่าจะหาสถานที่ให้จนกว่าอาตมาจะเห็นว่าเหมาะสม คุณโยมและครอบครัวพาไปตระเวนดูหลายที่ ทั้งที่เป็นถ้ำ เป็นเขา เป็นป่าจนกระทั่งมาจบลงตรงจุดนี้
คือ ป่าแห่งหนึ่ง ในจ.เพชรบูรณ์
ซึ่งโยมได้มาบูรณะ ปรับปรุง กุฏิเล็กๆที่พังจนเกือบหมดสภาพแล้ว ให้กลับมามีสภาพที่สามารถอยู่ได้ แม้จะไม่สวย เท่ห์ อะไรนัก แต่ก็เพียงพอต่อการพักอาศัย และยังเตรียมน้ำดื่ม น้ำใช้ และของใช้จำเป็นอื่นๆมาถวายอย่างครบถ้วน รวมทั้งยังติดต่อชาวบ้านให้ขึ้นมาช่วยทำฐานแทงค์น้ำ และอื่นๆอีกด้วย
ต้องขอขอบคุณครอบครัวคุณโยม ประภาศรี ศรีหร่าย เป็นอย่างยิ่งที่ได้เมตตา อนุเคราะห์อาตมาจนได้มาอยู่ป่ารูปเดียว ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้
ข้อคิดที่อยากฝากชาวพุทธเอาไว้ในวันนี้คือ อย่าถวายปัจจัย(เงิน)ให้พระ อันนี้ตรงกับที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ทรงเน้นเช่นกันว่าอย่าถวายเงินให้พระ ถ้าจะถวายควรเป็นสิ่งของจำเป็นที่พระต้องใช้จะดีกว่า ทุกวันนี้สังคมพระเละเทะ สาเหตุมาจากเรื่องเงินเป็นส่วนใหญ่
แรกเรื่องหนึ่งที่อยากฝากไว้คือ พอเหอะเรื่องการสร้างวัด สร้างสำนักสงฆ์ วัดร้างมีมากพอแล้ว อย่าไปเพิ่มวัดร้างในอนาคตอีกเลย และขอย้ำว่าตรงจุดที่อาตมาอยู่นี่ แค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องสร้างอะไรเพิ่ม อย่างดีก็แค่ปรับปรุงให้ดูแข็งแรงขึ้นเท่านั้น เพราะฉนั้นญาติโยมที่ถามมาโปรดเข้าใจตามนี้
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากฝากไว้คือ ขอวิงวอนให้ชาวพุทธ อย่าสนับสนุนการสร้างสิ่งก่อสร้างที่เกินความจำเป็นทุกชนิด เพื่อลดการเบียดเบียนญาติโยม อย่าอ้างบุญเป็นจุดขาย เพราะจริงๆมันคือกิเลสของพระที่อยากสร้างโน่นสร้างนี่ตามกิเลสในใจตน เท่านั้นเอง
เจริญธรรม…ฐิตสุทโธ ภิกขุ
ตัดลอกมาเพื่อซาบซึ้งกันทั้งท่อนเลย คนมองเห็นธรรมอยู่แล้วย่อมมองเห็น คนที่ยังมืดบอดจะมองเห็นเพียงเพราะได้อ่านความคิดจากท่าน เพียงเท่านี้ ก็ต้องขออนุโมทนาบุญด้วยแล้วละ
ทุกองค์กรในบ้านเราที่ยังยืนอยู่ได้ เพราะมีคนเลวน้อยกว่าคนดี คนยังไม่หันหลังให้วัดเพราะมีพระเลวน้อยกว่าพระดี…เมื่อไหร่ที่จำนวนเลว-ดีมันกลับกัน…วันล่มสลายก็มาถึงครับ !!