เชียงรายกับปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง แล้วบานปลายกลายเป็นมหึมาแห่งหมอกควันคละคลุ้งปกคลุมเมือง ดูหน้างานแล้วทำท่าจะสาหัสอยู่
ต้นเหตุแห่งปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและPM2.5 ในบ้านเราเชียงรายมีอยู่ 3 ต้นทางที่รู้ๆกัน คือ ประชาชนมนุษย์มนานี่แหละครับที่เป็นมือวางแห่งการเผาอันดับหนึ่ง จะเป็นเพราะเผาเพื่อเตรียมดินทำนาทำไร่ หรือจะเป็นเพราะหวังเห็ดถอบ ผักหวาน หรือจะเพราะทิ้งก้นบุหรี่มวนเดียวแล้วพึ่บพั่บกลายเป็นไฟลามทุ่งลามป่าก็ตาม
ประเด็นเหตุเพราะผู้คนมักง่าย ขาดความรับผิดชอบลักลอบเผา ดูเหมือนท่านพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ พ่อเมืองเชียงราย น่าจะออกแรงค่อนข้างได้ผลระดับหนึ่ง เพราะในเชียงรายพบจุดความร้อนน้อยเพียง 260 กว่าจุด แต่ที่เห็นกันจะจะลูกตา มันไม่ได้วัดกันที่จุดความร้อน แต่มันวัดกันที่หมอกควันพิษ
กรมควบคุมมลพิษชี้เปรี้ยงออกมาว่า เชียงรายมีค่าฝุ่นละอองในปริมาณที่เกินค่ามาตรฐานติดต่อกันหลายสิบวัน ซึ่งมันก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ เพราะขับรถไปแห่งหนตำบลใด ม่านฝุ่นหนาทึบก็ทำเอาทัศนวิสัยการมองเห็นย่ำแย่ ปิดแมสตลอดเวลาก็ยังมีอาการแสบคอแสบจมูก
ทางแก้ประเด็น “คนเผา” ก็มีอยู่ทางเดียว คือ การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งท่านพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ พ่อเมืองเชียงราย พร้อมทีมผู้บริหารก็โบ๊ะบ๊ะขู่ฟอดนักเผาตลอดเวลา นอกจากนั้นก็ยังควงแขนกาชาดจังหวัดเชียงรายลงพื้นที่ ลุยฝ่าหมอกควันพิษไปหน้างานพบปะกับทีมปราบไฟป่า มอบหน้ากาก มอบมุ้งปลอดฝุ่น มอบหยูกยา มอบเสื้อคลุม เครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่พี่ๆนักผจญเพลิงบ่อยครั้ง
อีกสองเหตุผล ก็เป็นเหตุเพราะคนที่ขาดความรับผิดชอบเหมือนกัน แต่มันอยู่นอกพื้นที่ควบคุมของกฎหมายไทย ซึ่งจังหวัดเชียงรายก็ร้องแรกแหกกระเชอโหมโรงมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด
“หมอกควันพิษมันไม่มีพรมแดน”
บ้านเรามีกฎหมายกำกับ มีระยะเวลาห้ามเผาในที่โล่งชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สาธารณะ พื้นที่เกษตร พื้นที่ริมทางหรือพื้นที่ป่าสงวน แต่ประเทศเพื่อนบ้านเขาไม่มี จังหวัดเชียงรายก็ได้แต่เชื้อเชิญประเทศเพื่อนบ้านเปิดโต๊ะกลมหารือกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันแทบทุกปี ไม่ว่าจะเป็นบอร์ด TBC ทางแม่สายกับเมี้ยนม่าร์หรือการเจรจาระว่างท้องถิ่นริมสองฝั่งแม่น้ำโขงทางอำเภอเวียงแก่นกับลาว
ส่วนสาเหตุที่ 3 คือ ไฟป่า ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เพราะอากาศแห้ง แบบนี้ก็คงสุดวิสัยที่หน่วยงานหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะรู้ล่วงหน้าได้ นอกจากการ“ล้อมคอก” ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 18 อำเภอในพื้นที่เชียงราย ท่านนายอำเภอก็ระดมคน ทั้งเครือข่ายประชาชน นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ภาคประชาสังคม ชุมชนและท้องถิ่น ต่างก็บุกป่าฝ่าฝุ่นไปสร้างแนวกันไฟกันทุกม่อนดอย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ดอยอินทรีย์ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย พลังแผ่นดินทั้งภาคส่วนต่างๆ เช่น หน่วยบรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 37,สภาลมหายใจจังหวัดเชียงราย,องค์การบริหารส่วนตำบลดอยฮาง,หน่วยห้ามล่าสัตว์ป่าดอยอินทรีย์,ประชาชนในเขตพื้นที่ดอยอินทรีย์และใกล้เคียง,นักเรียน นักศึกษา กระทั่งพระคุณเจ้าวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ต่างก็ระดมทั้งพลังคน พร้อมนำพาเครื่องไม้เครื่องมือไต่ดอยขึ้นไปทำแนวกันไฟอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปลูกต้นกล้วย ซึ่งเป็นต้นไม้ชุมชื้นเพื่อตั้งการ์ด หากมีไฟป่าฮุ้คซ้ายฮุ้คขวาเข้ามาจะได้รับมือบรรเทาหนักเป็นเบาได้ในระดับหนึ่ง
ทั้งหลายทั้งมวลของสถานการณ์หมอกควันไฟป่าและPM.2.5 ในพื้นที่เชียงราย เมืองแห่งการท่องเที่ยว เมืองแห่งการบูมเศรษฐกิจ เมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม แต่ต้องมาประสบกับเหตุการณ์ม่านหมอกควันพิษเต็มเมืองอย่างนี้ คนเชียงรายทุกคนก็ต้องร่วมแรงร่วมใจกันทุกรูปแบบทั้งการ “กัน ก่อ แก้”
ทั้งการป้องกัน ทั้งการหาแนวทางหลากหลายมิให้มี“ไฟ” และการแก้ไขเมื่อมี “ไฟ” รวมทั้งประชาชนก็ต้องเฝ้าระวังป้องกันตนเอง โดยเฉพาะ เด็กๆ คนชรา และผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ
วันก่อน ที่องค์การบริหารส่วนตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน ได้ยินท่านพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวบนเวทีในการเปิดงานสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมและรักสุขภาพชนเผ่า ครั้งที่ 6 ประจำปี 2567 ว่า ขอให้สุภาพสตรีบรรดาศรีภรรยาได้ตักเตือนสติคุณสามีมิให้กระทำผิดกฎหมายโดยการเผาในที่โล่ง อันเป็นต้นเหตุของไฟป่าและหมอกตะวันพิษได้ เพราะเชื่อว่า “ผัวย่อมเชื่อฟังและเกรงใจเมีย”
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายออกแรงหาวิธีลดปัญหาไฟป่า หมอกควันและPM.2.5 ทุกรูปแบบขนาดนี้ เราๆท่านๆประชาชนตาดำๆ จะปล่อยให้ “คนดับไฟเท่าผืนหนัง คนจุดไฟเท่าผืนเสื่อ” มารมควันถึงในบ้าน บ่มเพาะมะเร็งในปอดหรืออวัยวะระบบทางเดินหายใจในวันข้างหน้าแบบธุระไม่ใช่…ไม่ได้แล้ว
อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นหูเป็นตาให้จังหวัด พบเห็นการเผาป่า แจ้งเบาะแสให้กับทางการ ก็ย่อมถือได้ว่า มีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่า หมอกควันและฝุ่นพิษ PM/2.5 และยังได้เงินรางวัลจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายอีก 5,000 บาท ด้วย
ส่งท้าย..ยุคสมัยนี้ต้องอวยพรให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์และภาวะมลพิษ PM2.5 ทุกคนนะครับ…ผมด้วย !
….