
- บทบาทและการทำตัวให้เหมาะสมกับวัยผู้สูงอายุ
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ได้สัมภาษณ์ผู้สูงอายุในการศึกษาครั้งนี้คือ ผู้สูงอายุควรมีบทบาทและทำตัวอย่างไรจึงเหมาะสมกับวัย ขอให้ผู้สูงอายุได้แสดงความคิดเห็นต่อสถานภาพ และบทบาท ตลอดจนการปฏิบัติตนของผู้สูงอายุว่าควรจะมีพฤติกรรมอย่างไรจึงจะเหมาะสม กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ภายใต้บริบทสังคมชนบทไทย ซึ่งทัศนะและความคิดเห็นต่างๆ จะสะท้อนจากประสบการณ์จากชีวิตจริงของตน ซึ่งผู้สูงอายุแทบทั้งหมดมีความเห็นอย่างเดียวกัน คือ บทบาทและการปฏิบัติตัวให้เหมาระสม หมายถึง การกระทำในสิ่งที่ดีงามเป็นตัวอย่างให้แก่ลูกหลานเล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของผู้สูงอายุด้วย
เมื่อประมวลคำตอบ จากการสัมภาษณ์สามารถจำแนกแนวคิดของผู้สูงอายุที่สำคัญๆ 10 ประการ ตามลำดับมากน้อยดังนี้
- ต้องไม่ทำตัวเป็นคนพูดมาก จู้จี้ขี้บ่น ไม่ดุด่าลูกหลาน พูดจาให้น่าเชื่อถือ มีหลักการ ไม่พูดโกหก และไม่นินทาว่าร้ายใคร
- ต้องเป็นคนมีธรรมะ เข้าวัด ถือศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม
- ต้องให้การอบรมสั่งสอนบุตรหลาน
- ต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นที่เคารพของลูกหลาน
- ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว
- ต้องทำงานให้เหมาระสมกับสุขภาพร่างกาย
- ต้องอุทิศตนช่วยเหลือสังคม
- ต้องมีจิตใจเยือกเย็น สงบเสงี่ยม ไม่วุ่นวายกับใคร
- ต้องแต่งตัวให้เหมาะสม
- ต้องมีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความโอบอ้อมอารี มีเมตตา
แนวคิดทั้ง 10 ประการข้างต้นนี้ ผู้สูงอายุมีความเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นผู้สูงอายุที่มีความเหมาะสมกับวัยก็คือ “พฤติกรรม” ตามสถานภาพและบทบาทของการเป็นผู้สูงอายุเมื่อแยกประเด็นพฤติกรรมออกเป็นเรื่องๆ แล้วผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้แสดงความคิดจำแนกได้คือ
- ต้องมีความสำรวมในการพูด การมีความสำรวม หมายถึง การรับรู้ถึงสิ่งที่ควรจะพูดหรือไม่ควรพูด การเป็นผู้สูงอายุที่ดี มีความเหมาะสมกับวัย คือ ต้องเป็นผู้ที่ไม่จู้จี้ขี้บ่น พูดจามีสาระมีแก่นสาร ไม่พูดเพ้อเจ้อ ผู้สูงอายุยังจะต้องสำรวมตนเองว่าเป็นคนพูดมากเกินความจำเป็นหรือไม่ เพราะจะเป็นที่รำคาญของบุตรหลานหรือคนทั่วไป นอกจากนี้ ยังต้องพยายามอดทนไม่ดุด่าลูกหลาน หากทำสิ่งใดไม่ถูกต้องโดยจะต้องใช้คำพูดในลักษณะกล่าวตักเตือนเพื่อให้เกิดความเชื่อถือ สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ พูดตรง พูดความจริง ไม่โกหก และเป็นผู้ยึดมั่นในสัจจะวาจา จะสร้างความเชื่อถือ เลื่อมใสศรัทธา เพราะมีความสำรวมในการพูด พูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่กล่าวร้ายหรือนินทาผู้ใดให้คนอื่นเห็นว่าเป็นผู้ที่ไม่น่านับถือ
- ต้องเป็นผู้มีธรรมะ ผู้สูงอายุต้องเป็นผู้ที่ใฝ่ในธรรมะ เข้าวัด ถือศีล ฟังเทศน์จะเป็นพฤติกรรมที่น่ายกย่องสรรเสริญ หากผู้สูงอายุมีพฤติกรรม เช่น การเข้าวัดทำบุญตักบาตร ฟังธรรมฟังเทศน์เป็นกิจกรรมทางศาสนาที่ทำให้ผู้สูงอายุเกิดความอิ่มใจสบายใจ ผู้สูงอายุควรต้องทำตนให้เป็นตัวอย่างที่ดี และถือเป็นหน้าที่ที่ควรต้องทำเพราะเป็นการเข้าไปหาความสงบทางจิตใจเป็นพฤติกรรมที่แสดงถึง “ความถูกต้องและเหมาะสม” ที่ลูกหลานพึงจดจำเพื่อเป็นแบบอย่างต่อไป และการเข้าวัดนี้จึงมีลักษณะเป็น “สัญลักษณ์” ของการทำความดีงามทางด้านศาสนาเพราะการเข้าวัดไม่เพียงจะทำให้ผู้สูงอายุได้แสวงหาความสุขเท่านั้น ยังลดละความโลภและสร้างความศรัทธาว่าเป็นผู้ที่มีศีลมีธรรมอีกด้วย ผู้สูงอายุยังเชื่อว่าพฤติกรรมทางศาสนานี้เป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมสำหรับผู้อาวุโสที่ต้องการแสวงหาความสงบทางจิตใจ นอกจากนี้การเข้าวัดทำบุญยังเป็นสถานที่พบปะกลุ่มผู้สูงอายุด้วยกัน ส่วนในสายตาของคนอื่นๆ หรือสังคม จะเห็นว่าผู้ที่เข้าวัดทำบุญเป็นประจำเป็นผู้ที่น่ายกย่องนับถือ ซึ่งแตกต่างไปจากการเข้าวัดตามประเพณีของคนหนุ่มสาว ซึ่งเป็นเฉพาะตามเทศกาล หรือตามวันสำคัญทางศาสนา ส่วนการเข้าวัดของผู้สูงอายุจะมีความหมายของการเข้าไปแสวงหาความสงบทางจิตใจ เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ประพฤติชอบปฏิบัติชอบ
- ต้องเป็นผู้ให้การอบรมสั่งสอน การให้การอบรมสั่งสอนบุตรหลาน เป็นสิ่งจำเป็นและถือเป็นหน้าที่สำคัญของผู้สูงอายุ การปฏิบัติตนเป็นทั้งครูและผู้ปกครองเป็นการสั่งสอนเพื่อให้บุตรหลานเป็นคนดี เช่น สั่งสอนห้ามปราม อย่ากินเหล้า เที่ยวเตร่ เล่นการพนัน แต่การที่จะอบรมสั่งสอนให้ลูกหลานเคารพเชื่อฟัง ผู้สูงอายุจะต้องมีพฤติกรรมที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกหลานเห็น คือ การวางตัวดี พูดจามีสัจจะ ไม่พูดคำหยาบคาย มีความเป็นธรรม ไม่กินเหล้าเมายา ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม เข้าวัดทำบุญ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่นินทาวาร้ายใคร จากพฤติกรรมที่ผู้สูงอายุปฏิบัติอยู่เป็นประจำจะทำให้ลูกหลานมีความเชื่อถือ การอบรมสั่งสอนเกิดขึ้นจากการที่ผู้สูงอายุมีประสบการณ์ มีความรู้ มีความดีงาม เป็นคุณสมบัติ ดังนั้นผู้สูงอายุควรต้องมีบทบาทในการให้การอบรมเพราะเป็นผู้อาวุโส มีประสบการณ์และเป็นผู้ประพฤติดีประพฤติชอบ
- ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี การทำตัวให้เป็นตัวอย่างนั้นจะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่จะให้ลูกหลานเห็นคือ ผู้สูงอายุจะต้องเป็นคนที่พูดเป็นหลักเป็นฐาน ซื่อตรง พูดแต่สิ่งที่ดีงามเป็นเรื่องเป็นราว ไม่พูดจาเพ้อเจ้อเลอะเทอะ จนลูกหลานเกิดความรำคาญ ไม่ดุด่าลูกหลานจนอับอายชาวบ้าน ผู้สูงอายุยังควรต้องมีความสงบเสงี่ยม ไม่พูดมากจนลูกหลานเบื่อหน่าย ไม่ทำตัวให้ลูกหลานดูถูก ในด้านสังคมจะต้องทำตัวให้คนอื่นเลื่อมใน เคารพนับถือในฐานะผู้อาวุโสของสังคม ไม่ทำความเดือดร้อนแก่ใคร เสียสละทรัพย์สินเงินทองช่วยเหลือกิจการด้านสาธารณกุศลและพัฒนาชุมชน ส่วนกิจกรรมทางศาสนานั้น ต้องเป็นตัวอย่างในฐานะพุทธศาสนิกชนที่ดี เข้าวัด ทำบุญอุทิศทรัพย์สินเพื่อการพัฒนาวัดและศาสนา
- ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว การทำตัวให้เป็นประโยชน์ หมายถึง การทำกิจกรรมใดๆ ในชีวิตประจำวันให้มีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ผู้สูงอายุที่ได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ได้ให้ความสำคัญของการทำงานช่วยเหลือครอบครัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำให้ตามกำลังความสามารถ การเน้นการทำตัวให้เป็นประโยชน์จะทำให้ลูกหลานเห็นคุณค่าของการเป็นผู้สูงอายุว่ายังสามารถช่วยงานและเป็นแรงงานได้ตามพละกำลังและความสามารถ ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ไม่เที่ยวเตร่ หรือทำตัวรุ่มร่ามให้ลูกหลานรำคาญ แต่ก็ต้องมีขอบเขตจำกัด คือ มี่ทำงานเกินตัว งานที่จะช่วยเหลือได้ก็คือการทำงานบ้านเบาๆ ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงหลาน เฝ้าบ้าน ไม่เป็นคนขี้เกียจ นั่งๆ นอนๆ รอให้ลูกหลานเลี้ยง หากมีสิ่งใดที่ช่วยได้ซ่อมแซมได้ก็ต้องทำ ไม่ควรนิ่งดูดาย
- ต้องทำงานให้เหมาะสมกับสุขภาพร่างกาย การทำงานช่วยเหลือครอบครัวเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรทำงานที่มีความเสี่ยง มีอันตรายที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ควรเลือกงานเบาๆ เท่าที่ทำได้ หรือให้ความช่วยเหลือลูกหลานทำงาน ถ้าหากทำไม่ไหวก็ไม่ควรฝืนสังขาร ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี แข็งแรง ควรทำงานเพราะจะทำให้รู้สึกว่ามีคุณค่าแต่ก็ไม่ควรนั่งเฉยๆ ปล่อยเวลาให้ว่างไปวันๆ หนึ่ง
- ต้องอุทิศตนเองช่วยเหลือสังคม มีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่มีกิจกรรมทางสังคม เช่น การเป็นกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน กรรมการวัด นอกจากการเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือด้านแรงงาน ผู้สูงอายุที่มีฐานะทางเศรษฐกิจบางคนได้บริจาคทรัพย์สินเงินทองในการพัฒนาท้องถิ่นด้วยการสร้างถนน สร้างบ่อน้ำ บริจาคเงินให้วัดเพื่อการก่อสร้างถาวรวัตถุทางศาสนา ส่วนผู้สูงอายุคนอื่นๆ ได้แสดงความคิดเห็นว่า การอุทิศตนเองช่วยเหลือสังคมเป็นภารกิจของผู้สูงอายุที่จะทำให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป หากไม่มีเงินทองก็ช่วยเหลือด้านแรงกาย เมื่อผู้อื่นพบเห็นก็จะเลื่อมใสและเป็นความเหมาะสมสำหรับการเป็นผู้สูงอายุ
- การมีจิตใจเยือกเย็นสงบเสงี่ยมไม่วุ่นวาย เป็นพฤติกรรมที่ผู้สูงอายุทุกคนต้องยึดถือ เพราะผู้สูงอายุถือเป็นปูชนียบุคคลที่ทุกคนจะต้องเฝ้ามองเพื่อนำไปเป็นตัวอย่างต่อไป การเป็นแบบอย่างที่ดีก็คือ มีพฤติกรรมเรียบร้อย เยือกเย็น ทำตัวให้เป็นที่เคารพของลูกหลาน ไม่บ่นไม่ว่าลูกหลาน แต่คอยแนะนำสั่งสอนไม่ทำตัวรุ่มร่าม เพราะคนแก่ไม่มีบทบาทอะไรมาก ต้องระมัดระวังตัวทั้งการพูดจาและการกระทำจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่เกะกะเกเร หรือทำตัวรุ่มร่าม การเข้าวัดจะช่วยทำให้จิตใจสงบ ผู้สูงอายุต้องทำตัวให้คนอื่นนับถือมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
- ต้องแต่งตัวให้เหมาะสม ต้องแต่งกายให้สะอาด แต่งตัวเรียบร้อย ไม่ฉูดฉาด หรือเปรี้ยวเกินไป การแต่งกายเป็นภาพสะท้อนของอุปนิสัย การเป็นผู้สูงอายุควรต้องระวังเรื่องความสกปรก จะต้องสะอาดอยู่เสมอและให้เหมาะสมกับวัย
- ต้องมีนิสัย เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ มีเมตตา การประกอบความดีของผู้สูงอายุที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ คุณสมบัติของการเป็นผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุในอุดมคติของคนทั่วๆ คือ การมีเมตตา มีความโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่บุตรหลานและคนทั่วไป เป็นผู้ที่ไม่มีความโลภ มีจิตใจร่าเริงสนุกสนาน วางตัวให้เป็นผู้ใหญ่น่าเคารพนับถือแก่ลูกหลาน
นอกจากแนวคิดหลักๆ ดังกล่าวนี้แล้ว ผู้สูงอายุยังได้เสนอแนวทางอื่นๆ ที่น่าจะเป็นบทบาทที่ผู้สูงอายุพึงประพฤติปฏิบัติให้เหมาะสมกับวัย เช่น เป็นผู้ให้คำแนะนำวางแผนการดำเนินชีวิตให้แก่ลูกหลาน พยายามประหยัดกินประหยัดใช้และดำเนินชีวิตให้เป็นแบบอย่างในด้านพอมีพอกิน ไม่เป็นคนละโมบอยากได้ของคนอื่น ไม่วุ่นวายกับชีวิตของคนอื่น ไม่ติฉินนินทาใคร พูดจริงทำจริง ซื่อสัตย์ ทำตัวเป็นตัวอย่างของลูกหลาน เป็นคนอดทนไม่นิ่งดูดาย ช่วยเหลือครอบครัวอย่างเต็มใจ ตามกำลังความสามารถ แต่ก็ควรพักผ่อนเป็นครั้งเป็นคราว พยายามดูโลกให้มีชีวิตชีวาอย่างสดใส และไม่ประพฤติผิดศีลธรรม เป็นต้น
