ไม่รู้บูรณภาพแห่งดินแดนอารยธรรมที่เป็น “รากเหง้า” ของเผ่าพันธ์พัฒนาการมนุษยชาติในพรมแดน “ไทย-กัมพูชา” เดินมาถึงจุดที่เรียกว่า “ความรุนแรง-ความตึงเครียด”ได้อย่างไร ?
ความศิวิไลซ์ทั้งในจริยจริต ฐานานุรูป และกายภาพนานาอารยะผ่านมาหลายศตวรรษและยุคสมัยเจนเนอเรชั่น น่าจะหลุดพ้นจากบ่วงความอยาก ความกระหาย วัฎจักรอุบาทว์กรรม
แต่กลับดึงบรรยากาศบ้านป่าเมืองเถื่อนให้ย้อนกลับคืนมา โดยใช้กระบวนการ “ยั่วยุ ใส่ร้ายป้ายสี ล้างสมองพลเมือง” ที่มนุษย์ผู้ซึ่งได้ชื่อว่า “ผู้นำทางจิตวิญญาณและผู้นำประเทศ” เป็นผู้จุดประกายขึ้น
ความสุขสงบ สันติภาพ พังพาบราพณาสูร แถมยังล่วงล้ำชีวิตประชาชนให้เข้าไปเดินบนหมากเบี้ยกระดานการรบพุ่งแบบ “อำมหิต” สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีการต่อสู้ที่ “ต่ำตม ถ่อยเถื่อน”
“ฮุนเซ็น” ยู คือ สารตั้งต้นของการลุแก่อำนาจ ผลประโยชน์ และนำพาประเทศกัมพูชามาเป็นคู่กรณีกับประเทศไทย ในมิติ “อันธพาลแห่งบูรณภาพ” แบบมุ่งมั่นตั้งใจ วางแผนอย่างเป็นระบบ
ยิ่งเห็นภาพข่าว“น้องน้ำโขง” เด็กเล็กๆวัยละอ่อนไม่กี่ขวบปีต้องมาถูกระเบิด ถูกคมกระสุน ล้มตายไปจากอกพ่ออกแม่ย่ายายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ บอกตรงๆคนไทยทุกคน “แค้นใจ”มาก
กลับมาที่สถานการณ์ “พายุวิภา” ที่โถมเทถล่มทลายหลายๆอำเภอในพื้นที่จังหวัดเชียงราย งานนี้ต้องขอบคุณและชื่นชม นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย นายอำเภอ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลตำบล อบต. ตลอดจนภาคเอกชน มูลนิธิ ที่ทำงานบูรณาการร่วมกันทั้งการวางแผนตั้งรับ การซักซ้อม และการสื่อสารประชาสัมพันธ์
นายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “เชียงรายนิวส์” นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ก็นำลูกทีม เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ประสบภัยร่วมกับภาคส่วนต่างๆทำหน้าที่จิตอาสา “กู้ภัย” แบบทันทีทันใดไม่ล่าช้า
ที่น่าเป็นห่วง กังวลใจก็น่าจะเป็นพื้นที่อำเภอแม่สาย ซึ่งทำท่าจะต้องรับน้ำเหนือจากประเทศพม่า ชุมชนตอนล่างอย่างอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย รวมถึงจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ก็อ่วมอรทัยจมใต้น้ำมาหลายครั้งหลายคราว
แถมยังมีสารพิษปนเปื้อนอยู่ในลำน้ำที่ไหลมาจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธต้นน้ำแม่น้ำกก แม่น้ำสาย จากประเทศพม่าด้วย ก็ยิ่งพิบัติภัยหลายเด้งสำหรับผู้คนในพื้นที่ใต้น้ำ ที่ว่ากันว่า หากรัฐบาลไทย รัฐบาลพม่า ยังเนิบนาบล่าช้า โอกาสที่จะสารปนเปื้อนจะขยายผลขยายแผลลงสู่แม่น้ำโขง แม่น้ำนานาชาติ ก็ยิ่งมีสูง
ส่งท้ายด้วยข่าวดีๆของจังหวัดเชียงราย ที่ “คุณแนน” นันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ส่งข่าวมาว่า จังหวัดเชียงรายคว้าอันดับ 1 เมืองรองท่องเที่ยวที่มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนสูงที่สุด ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2568
สำหรับ TOP5 เมืองรองที่มีผู้เยี่ยมเยือนสูงสุด จากฐานข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา มีดังนี้
- เชียงราย 3,378,757 คน
- สุพรรณบุรี 3,344,043 คน
- สมุทรสงคราม 3,046,131 คน
- อุดรธานี 2,559,369 คน
- อุบลราชธานี 2,413,180 คน
ถือเป็นดัชนีชี้วัดได้ถึงความสำเร็จของการบริหารจัดการด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ของจังหวัดเชียงราย ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนเกี่ยวข้องจะได้รักษามาตรฐานและพัฒนาบรรยากาศการท่องเที่ยวของเชียงรายให้มีตัวเลขนักท่องเที่ยวและผู้เยี่ยมเยือน เพิ่มมากขึ้นในปีต่อๆไป
เริ่มต้นคอลัมน์ด้วยบรรยากาศที่ไม่ค่อยดี แต่ก็ขอส่งท้ายด้วยเรื่องราวดีๆอย่างนี้แหละ….สวัสดีครับ
