วันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ เรือนจำกลางเชียงราย เดินหน้าสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เปิดตัวโครงการ “ลอกคลองเพื่อชุมชน” โดยมี คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เป็นตัวแทนมอบเงินสนับสนุนโครงการฯ เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท โดยมี คุณนวรัตน์ จันทร์จิเรศรัศมี นักทัณฑวิทยาชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย เป็นผู้รับมอบ เพื่อดำเนินกิจกรรมทำความสะอาดและขุดลอกร่องระบายน้ำโดยรอบพื้นที่ศูนย์การค้าฯ มุ่งหวังแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง สร้างสุขอนามัยที่ดี พร้อมส่งเสริมการสร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การกลับคืนสู่สังคม ณ เรือนจำกลางจังหวัดเชียงราย
โครงการ “ลอกคลองเพื่อชุมชน” เป็นกิจกรรมจิตอาสาที่ริเริ่มขึ้นเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทำความสะอาดและขุดลอกร่องระบายน้ำสาธารณะเป็นระยะทางยาวกว่า 450 เมตร คิดเป็นพื้นที่ทำงานรวม 1,800 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น ลดปัญหาน้ำขังในช่วงฤดูฝน และสร้างทัศนียภาพที่สะอาดสวยงาม
คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย กล่าวว่า “เซ็นทรัล เชียงราย มีความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการตอกย้ำความร่วมมืออันดีกับเรือนจำกลางเชียงราย ในการสร้างโอกาสและมอบกำลังใจให้กับผู้ต้องขัง เราเชื่อว่าการให้โอกาสคือการสร้างอนาคตที่ดีให้กับสังคม และเรายินดีที่ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงรายอย่างต่อเนื่อง”
ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพผู้ต้องขังมาอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ทางศูนย์การค้าฯ ได้เปิดพื้นที่ ณ ชั้น G โซน Northern Village (นอร์เทิร์น วิลเลจ) ให้เรือนจำกลางเชียงรายนำผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขังมาจัดจำหน่าย โดยไม่เรียกเก็บค่าเช่าพื้นที่ เพื่อเป็นช่องทางในการสร้างรายได้และส่งเสริมทักษะอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง
สำหรับกิจกรรมลอกคลองฯ ทางศูนย์การค้าฯ ได้สนับสนุนค่าดำเนินการจ้างแรงงานผู้ต้องขัง พร้อมทั้งจัดเตรียมอาหารกลางวันและเครื่องดื่มตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงาน รวมถึงการอำนวยความสะดวกและดูแลด้านความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างทักษะการทำงานและความรับผิดชอบ เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชนให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป
