ยอมรับว่ายังเป็นกังวลและห่วงใยต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในบ้านเรา แอบคิดเหมือนคนเก่าคนแก่คิด ว่าเมื่อมันเคยเกิดขึ้นแล้วสักวันหนึ่งมันจะกลับมาเกิดขึ้นอีก !!
ภัยพิบัติที่ว่านี้ อย่างแรกคือเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านไป
อย่างที่สองคือดินถล่มแลนด์สไลด์ในพื้นที่สูง
ทั้งสองอย่างไม่ว่าจะเกิดเมื่อไหร่? ที่ไหน? ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและเงินทอง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ ที่สำคัญมันยังทิ้งความทรงจำของความเลวร้ายนั้นๆไว้นานแสนนาน อีกทั้งความกังวลของคนรุ่นหลังที่ว่า มันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่หนอ?
เช่น กรณีนักวิชาการเข้าสำรวจเจาะพื้นที่ริมแม่น้ำสาย มีผลที่น่าตกใจคือพบชั้นดินตะกอนที่เกิดจากน้ำหลากในอดีต ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้ครั้งแรกแต่เกิดก่อนเลยอายุเราไป ยืนยันได้ว่านี่เองซึ่งเป็นที่มา“เกิดมาไม่เคยเจอ”
ที่กล่าวนี้ไม่ใช่เพราะว่ามีความรู้หรือเชี่ยวชาญด้านนี้…เปล่าเลย !!!
เป็นการเก็บเล็กผสมน้อยเท่าที่ปัญญามีจากการฟังจากผู้รู้อย่าง รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ ประธานมูลนิธิมดชนะภัย จากศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก ม.เกษตรศาสตร์
“อาจารย์”ให้ความรู้แก่สมองน้อยๆอย่างเราได้มากทีเดียว
ท่านพูดถึงพื้นที่ล่อแหลม และเปราะบางของเชียงรายหลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา และยังมีความห่วงใยต่อผู้คนในพื้นที่ สำรวจเก็บข้อมูลนำเสนอให้ความรู้ทั้งภาคประชาชนและราชการ ได้มีการตื่นรู้ถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และที่อาจเวียนวนมาเกิดซ้ำได้ในวันหน้า
หากไม่มีการขยับหรือแก้ไขในวันนี้
“ทำไมเกาะลอยถึงโดนหนัก เพราะระดับพื้นดินที่ต่ำกว่าในเมือง เกาะลอยจึงเป็นพื้นที่ล่อแหลม หลังเหตุการณ์ผ่านไปพื้นที่บางแปลงมีการปรับให้สูงขึ้น ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว…และทำไมบ้านธนารักษ์จึงหนัก ก็เพราะเมื่อน้ำเอ่อท่วมแล้วไม่มีที่ให้น้ำแผ่ เพราะพื้นที่ด้านหลังหมู่บ้านเป็นภูเขา น้ำแผ่ไปก็ติดภูเขาจึงหนัก นับเป็นพื้นที่ล่อแหลมมาก”
สนามบินยาวประมาณ 3 กม.ถูกน้ำล้อมไว้หมด
ก็นับเป็นพื้นที่ล่อแหลมเหมือนกัน บริเวณเมืองหลายพื้นที่ไม่ท่วมเพราะบังเอิญอยู่สูงกว่า ที่ต่ำกว่าก็ไม่เหลือ ถามว่าในเชิงวิศวกรรมและการจัดการจะทำอะไรได้บ้าง ธรรมดาที่สุดคือจัดการร่องน้ำให้เป็นระบบ ให้มันล้นตลิ่งได้ยากขึ้น
“ทางแม่ยาวก็พอจะทำได้ แต่ติดปัญหา เพราะกำลังจากประกาศเป็นอุทยาน เขาเขตในเมืองยิ่งยาก เช่นหน้าร้านชีวิตธรรมดา จะทำเขื่อนจะยอมกันไหม ”
เชียงใหม่ปีนี้ได้งบลอกลำน้ำมาก แต่เชียงรายทำไมไม่ได้ ? ปีหน้าเราของบลอกไหม๊ ให้น้ำไหลสะดวกขึ้น
…………
อนิจจา ลูกจ๋า แม่มาแล้ว
โอ้ลูกแก้ว พ่อมาแล้ว ลูกอยู่ไหน?
โถลูกรัก ลูกเจ้า อยู่หนใด
ลูกถูกกลืน หายไป กับกองโคลน…
กวีเปื้อนน้ำตาบทนี้ อาจารย์สุทธิศักดิ์ฯเขียนขึ้นจากความสะเทือนใจ เมื่อได้ขึ้นไปบ้านแม่หม้อ ต.เทอดไทย พบบ้านหลังนี้พ่อแม่ออกไปทำงาน ปล่อยลูกสองคนอยู่กับบ้าน เมื่อกลับมาพบว่าดินถล่มบ้านหายไปพร้อมกับชีวิตลูก….
ที่ดอยหลวง แม่อาย ต้นน้ำกก ดินถล่มมโหฬาร พ่อหลวงพร้อมลูกบ้าน 6 ชีวิตไหลไปกับสายน้ำพบศพภายหลังไกลถึง 2 กม.
ดอยช้าง พื้นที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว มีการเคลื่อนตัวของแผ่นดินปีละ 10-30 ซม. ให้สังเกตทางขึ้นดอยช้าง ถนนแตก-ชำรุด ไม่เรียบ อบต.ก็ซ่อมทุกปี แต่ดินมันเคลื่อนทุกปี-นับเป็นพื้นที่ล่อแหลม เปราะบาง อีกแห่ง
ระบบการจัดการแก้ไขน้ำอันเป็นเหตุดินถล่ม ยกให้“บ้านอาข่า ป่ากล้วย”ทางดอยตุง เป็นระบบดีมาก ภูมิปัญญาที่พื้นที่อื่นๆน่าจะเอาเป็นแบบอย่าง ฯลฯ
ครับ…เหล่านี้คือลายแทงแห่งภัยพิบัติ ที่ทุกฝ่ายจะนิ่งนอนใจเหมือนที่ผ่านๆมา-ไม่ได้แล้ว !!!