คอลัมน์ » เล่าเล่นๆ เป็นธรรมทาน

เล่าเล่นๆ เป็นธรรมทาน

7 มีนาคม 2025
122   0

 

เมื่อเราเริ่มฝึกดูลมหายใจ

เมื่อครั้งก่อนเราพูดถึงหนทางในการออกจากวัฏสงสารว่ามีทางปฏิบัติอยู่ 3 ทาง เรียกว่าไตรสิกขา นั่นคือศีล สมาธิ ปัญญากันไปแล้ว เรื่องศีลเรารู้กันดีอยู่่แล้วดังนั้นวันนี้เราจะยังไม่พูดถึง แต่จะมาพูดถึงเรื่องการทำสมาธิกันนะคะ

การทำสมาธิในพุทธศาสนาสามารถทำได้หลายทางตามความชอบของผู้ปฏิบัติ ซึ่งจะฝึกในกรรมฐาน 40 ซึ่งมีวิธีฝึกถึง 40 แบบนั่นเองหรือจะฝึกในแนวมหาสติปัฏฐาน 4 ก็ได้ เลือกเฉพาะอย่าใดอย่างหนึ่ง หรือจะเลือกฝึกหลายแบบก็ตามจริตของแต่ละบุคคล ในวันนี้จะขอกล่าวเฉพาะแบบที่มีผู้นิยมฝึกกันอย่างแพร่หลายคือการฝึกแบบตามรู้ลมกายใจ อันมีชื่อว่า อานาปานสติหรือจะเรียกอีกอย่างว่า อานาปานุสติ ก็ได้ ซึ่งสามารถทำได้ 2 แบบคือทำแบบอนุสติ คือการตามรู้อยู่ในชีวิตประจำวัน และทำแบบสมถกรรมฐานในกรรมฐาน 40 แต่แม้จะมีวิธีทำใน 2 แบบ แต่ก็วิธีการก็ไม่ต่างกัน ต่างตรงที่กรรมฐานจะมีอารมณ์ที่เข้มข้น มั่นคงกว่ากันเท่านั้น

การกำหนดรู้ลมหายใจตามสายฝึกของพ่อแม่ครูบาอาจารย์โดยมากหลายท่านจะให้ฝึกดูลมหายใจเข้าออกคู่กับคำภาวนา ไม่ว่าจะเป็นพุทโธ สัมมาอรหัง ยุบหนอ พองหนอ นะมะ พะทะ อะไรก็แล้วแต่ ล้วนได้ผลเหมือกันทั้งสิ้น คือจิตจะพะวงกับคำภาวนาและลมหายใจด้วยกันทั้งสิ้น ท่านจึงเรียกมันว่าวิตก ส่วนการตามดูว่าใจหรือจิตยังอยู่กับคำภาวนาหรือหนีไปไหนแล้ว นี่ท่านเรียกว่าวิจารณ์ ก็ทำอยู่อย่างนี้ นี่คือเบื้องต้น ที่ท่านสอนกัน แต่คำถามที่ตามมาว่าทำไมถึงได้ผลไม่เหมือนกัน

เรามาดูว่าทำไม คนบางคนมาเริ่มปฏิบัติก็สามารถทำจิตให้สงบได้เร็ว แต่บางคนทำไมถึงพบแต่อุปสรรค พบแต่ความอึดอัดขัดข้อง นั่น ต้องมาดูกันที่คุณภาพของจิต จิตที่ได้มาของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนพื้นฐานของจิตดี มีคุณภาพอยู่แล้ว มีความผ่องใส มีความอ่อนโยนนุ่มนวล มีความตั้งมั่นอยู่กับตัวดีอยู่แล้ว การมาฝึกจึงสมารถผ่านอุปสรรคของจิตไปได้เร็วกว่าจิตที่มีปกติตึงเครียด เต็มไปด้วยความโกรธ ความโลภ ความหลง ความขุ่นแค้นอาฆาต ความอยากมี อยากได้ ในหัวมีแต่สารพัดเรื่องให้คิด หรือมีความเชื่อในการปฏิบัติแบบผิดๆ มาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรียกว่าคุณภาพของจิตไม่ดี จิตแบบนี้จึงต้องขัดเกลาให้นุ่มนวลลงก่อนจึงจะสามารถนำไปใช้งานได้ นี่คือเหตุผลที่เมื่อมาเริ่มฝึกพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านจึงให้เริ่มที่การทำสมถกรรมฐานก่อน ต่อเมื่อเห็นว่าจิตของผู้นั้นมีคุณภาพดีตามต้องการแล้วท่านจึงจะสอนต่อ หากครูบาอาจารย์ที่สอนมีความรู้ทางจิตดีท่านจะรู้ว่าลูกศิษย์แต่ละคนใครควรสอนให้พิจารณาแบบไหน แต่หากท่านเองก็กำลังฝึกอยู่เหมือนกัน นี่ก็อาจพากันผิดพลาดได้ก็ต้องมาพิจารณาเอาเองว่าการสอนนั้นควรแก่การเชื่อถือหรือไม่

สำหรับเรื่องการทำกรรมฐานนั้น บางท่านอาจเริ่มจากการดูจิตเลย อันนี้ไม่ว่ากัน เพราะหากผู้ฝึกมีคุณภาพของจิตดีอยู่แล้วการพิจารณาดูจิตนั้นก็จะสามารถนำจิตลงสู่ไตรลักษณ์ได้ แต่ก็นับว่าเสี่ยงอยู่ว่าจะได้แค่ดูจิตที่คิดไป แล้วเห็นว่าจิตมีเกิด มีดับอยู่ตลอดเท่านั้น แต่ไปไม่ถึงญาณอันเป็นเครื่องพ้นทุกข์ได้ ก็จะติดอยู่แค่นั้น แต่หากเริ่มที่สมถก่อน นี่ก็อาจหลงไปติดความนิ่งของจิตแล้วก็ไม่นำไปทำให้เกิดปัญญาได้อีกเช่นกัน ดังนั้น ท่านจึงสอนให้ทำทั้งสมถะและวิปัสสนาคู่กันไป โดยสอนให้ตั้งเวลาประจำสำหรับการทำมาตรฐาน นั่นคือการทำสมถกรรมฐาน และใช้เวลาในชีวิตประจำวันสำหรับการดูกาย ดูจิตไป นี่ก็จะช่วยเกื้อกูลการปฏิบัติให้ก้าวหน้าได้ดีขึ้น

ทีนี้ เราจะกลับมาที่การเริ่มดูลมหายใจตามหัวเรื่องกันเสียที พอบอกว่าดูลมหายใจ หลายคนก็นึกไปถึงสมถกรรมฐาน แถมบางท่านยังนึกหมิ่นไปว่าแบบฤาษีเข้าไปอีก นั่นเราจะไม่ไปพูดถึงเพราะเราไม่ใช่ฤาษี แต่เราจะเอาแค่การตามดูกายและใจเท่านั้น

ลมหายใจ หลายท่านนึกไปถึงอานาปานสติกรรมฐาน อันนี้ก็ใช่ ในทางพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ทำกำหนดรู้ลมหายใจแค่อัสสาสะ ปัสสาสะ คือรู้ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นก็รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ทรงสอนไว้แค่นี้ คือให้ตามรู้ลมหายใจนั่นเอง แล้วก็ให้ไปทำเอง แต่ในปัจจุบันก็จะมีเทคนิคมาประกอบการรู้เข้าไปด้วยเช่น เพิ่มคำภาวนาเข้าไปด้วย แล้วแต่ว่าครูบาอาจารย์ท่านนั้นจะได้ความรู้มาจากการกำหนดเช่นไร อันนี้ อย่านำมาเถียงกัน นี่เป็นเรื่องของการทำความรู้ตัวด้วยการกำหนดตามรู้ลม และนี่ไม่นับรวมไปกับการท่องคำบริกรรม อันนี้คนละเรื่องกับการมากำหนดรู้ลมหายใจ ก็มาเข้าใจกันตามนี้

สำหรับท่านที่กำลังเริ่มทำอานาปานสติหรือการกำหนดรู้ลมหายใจและยังงงๆอยู่ว่าจะวางใจอย่างไร ลองมาพิจารณาแบบผู้เขียนดูก็ได้เผื่อจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง อันดับแรกมาดูจิตก่อนว่าตั้งไว้อย่างไร สูงไปไหมหรือต่ำไป โดยมากพอตั้งใจจะทำกรรมฐานแน่นอนว่าต้องตั้งความมุ่งหวังไว้ว่าจะต้องตั้งท่าเคร่งขรึมเอาไว้ก่อน นั่นไม่เป็นไรเป็นเรื่องปกติ ต่อไป หาดูว่าปกติเราวางใจไว้ที่ไหน คือที่ชอบๆของใจเช่นเวลาเผลอๆแล้วรู้ตัวว่าเผลอตอนนั้นจิตอยู่ที่ไหน โดยมากก็จะอยู่ที่เราเรียนรู้มาว่าหน้าอกคือที่อยู่ของหัวใจ นั่นละค่ะ ให้วางใจ คือความรู้สึกกำหนดไว้ที่นั่น นี่คือฐานของจิตที่เราจะวางกำลังของใจไว้ที่นี่ ทุกครั้งที่ทำก็กำหนดตัวรู้ไว้ที่นี่ ให้รู้ว่าใจหรือจิตเราอยู่ที่นี่ เมื่อได้ที่ตั้งของจิตแล้วกลับมาดูจิตตอนที่เริ่มกำหนดรู้ลมหายใจก็จะเห็นว่าเราตั้งจิตไว้สูงจัง ไม่เป็นไรปล่อยไว้ก่อน จากนั้นจึงไล่ลมหายใจออกช้าๆจนสุดกำลังลม แล้วจึงหายใจเข้าช้าๆจนเต็มกำลังลม ทำอย่างนี้สัก 2 – 3 ครั้ง แล้วจึงวางใจไว้ที่ฐานที่เราเลือกไว้ จากนี้จึงกำหนดลมผ่อนสั้นยาวตามความสบายของกาย จากฐานนี้จึงตามดูลมหายใจเข้าออกโดยจะมีคำภาวนาหรือไม่ก็ได้ตามความชอบใจ แต่ผู้เขียนจะใช้คำว่า พุท หายใจเข้า โธ หายใจออกเพราะกำกับสติรู้ตามได้ง่ายกว่า ทั้งยังช่วยตามดูคุณภาพของจิตได้ดีกว่าด้วย

เมื่อเราเริ่มตามดูลมหายใจที่ถูกประกบด้วยคำว่าพุทโธด้วยนั้น เราจะเห็นความไม่ลงรอยของอาการทั้งสองนี้อย่างชัดเจน คือลมหายใจก็อยู่ทาง คำภาวนาก็อยู่ทาง แถมจิตก็เหมือนจะอยู่สูงกว่าฐานอีก ยิ่งเพิ่มความขัดข้องเข้าไปอีก ทีนี้กำหนดที่จิต กำหนดวางความรู้สึกที่อยู่เหนือฐานนั้นให้ค่อยๆลดที่ตั้งลงไปที่ฐานจิต โดยค่อยๆกำหนดรู้วางลงๆคู่กับลมหายใจเข้าออกจนรู้สึกวางที่ฐานจิตได้ จะเห็นความผ่อนคลายของจิตดีขึ้น ตามลำดับความขัดข้องเริ่มหายไป ก็กำหนดตามรู้เรื่อยๆ แรกๆลมหายใจจะยังหยาบอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลไป จนกว่าวิตก วิจารณ์จะเริ่มได้ที่ หรือถ้าจิตหนีไปพักในภวังค์ ภวังค์เป็นอาการที่เหมือนจะหลับ เหมือนจะหายไป อาจจะแค่วับเดียวถ้าสติแข็งแรงพอ หรืออาจจะเผลอลงหลับไปเลยก็มี ก็ไม่เป็นไร เอาใหม่ ทำอยู่อย่างนี้ เมื่อสติกลับมาก็ตั้งต้นใหม่ ค่อยสะสมไปอย่างนี้ จนเกิดปิติ เกิดสุขขึ้นมา เหล่านี้ก็จะเป็นเครื่องแสดงให้รู้ว่าจิตเริ่มเข้าที่ก็ไม่ต้องกังวลว่าเป็นอะไร แค่ทำตามไปอย่างนี้ ปิติและสุขก็ยังเป็นอารมณ์ที่หยาบอยู่ สิ่งที่ดีกว่า ละเอียดกว่ายังรออยู่อีกมาก แล้ววันหลังจะนำมาเล่าให้ฟังกันใหม่ค่ะ



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า