- การปฏิสัมพันธ์ของคนทั่วไปต่อผู้สูงอายุ
ในหัวข้อที่ผ่านมาได้กล่าวถึงลักษณะท่าที และแบบแผนพฤติกรรมที่ครอบครัวและสังคมแสดงการยกย่องผู้สูงอายุ สำหรับส่วนนี้ต้องการทราบว่าในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุได้พบปะผู้คนทั้งสมาชิกในครอบครัวและบุคคลทั่วไปในชุมชน ผู้สูงอายุมีความรู้สึกว่าคนทั่วไปปฏิบัติตัวอย่างไรต่อผู้สูงอายุ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ผลจากการศึกษาครั้งนี้สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ
- กลุ่มที่แสดงความยกย่องให้ความเคารพนับถือ
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่กว่าครึ่งได้ตอบว่า คนทั่วไปส่วนใหญ่ยังคงแสดงกิริยามารยาทที่ให้การเคารพความเป็นผู้อาวุโส เมื่อพบกันจะทักทายพูดคุยดี คนที่ไม่รู้จักแต่เมื่อเห็นเป็นคนเฒ่าคนแก่ก็เรียกแม่ เรียกยาย เวลาเพื่อนๆ ของลูกของหลานมาถึงเรือนก็ยกมือไหว้ เมื่อออกจากบ้านเห็นคนทั่วไปก็ยกมือไหว้ทักทายดี เวลาขึ้นรถเมล์ก็จะมีคนลุกให้นั่ง มีคนคอยประคองเวลาข้ามถนนให้ความช่วยเหลือ ลูกหลานที่บ้านถ้าว่างมีเวลาก็อ่านหนังสือให้ฟัง บางครั้งเวลายกของหนักๆ คนแก่ยกไม่ขึ้นก็เสนอตัวทำแทน ในชีวิตประจำวันบ่อยครั้งที่เห็นคนทั่วไปแสดงท่าทีที่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ ยังไม่เคยเห็นใครแสดงความรังเกียจ ผู้สูงอายุเชื่อว่าในหมู่บ้านที่ตนเองอาศัยอยู่จะไม่มีใครปฏิบัติต่อคนแก่ไปในทางที่ไม่ดีและคิดว่าคนส่วนใหญ่ยังเคารพผู้สูงอายุดี สังเกตจากวันตรุษสงกรานต์มีคนมารดน้ำดำหัวแม้จะไม่รู้จักกันก็แสดงความเคารพ
ผู้สูงอายุหลายคนสังเกตว่า เด็กวัยรุ่นแสดงความเคารพเหมือนกัน แต่มักจะไม่ทักทายพอพบก็จะเดินหนีไม่ค่อยอยากพูดคุยกับผู้สูงอายุ ส่วนคนวัยกลางคนจะไม่พบว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้ ผู้สูงอายุได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่ปฏิบัติดีต่อคนสูงอายุจะกระทำด้วยความเต็มใจ พูดคุยดี ถ้าเห็นคนแก่เดินไปไหนก็อาสาขับรถมอเตอร์ไซด์ไปส่ง ถ้าเดินผ่านหน้าบ้านก็จะแวะทักทาย มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่สนใจคนแก่ ผู้สูงอายุที่มีทัศนคติที่ดีต่อการปฏิสัมพันธ์ในเชิงบวกยังได้ยกตัวอย่างว่า การที่จะให้คนทั่วๆ ไปปฏิบัติดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู บางคนที่มีทัศนคติที่ดี เขาก็จะดีต่อพ่อแม่เขาด้วย ให้ความช่วยเหลือคนแก่เหมือนเป็นพ่อแม่ตนเอง ให้กำลังใจช่วยทุกอย่างที่จะทำได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นไปได้ว่าผู้ที่ปฏิบัติดีนั้น เขาอาจคิดว่าสักวันหนึ่งเขาก็จะต้องแก่เหมือนกันจึงทำกรรมดีไว้ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงยังคงปฏิบัติสิ่งที่ดีต่อผู้สูงอายุ เวลาเจ็บป่วยก็จะมาเยี่ยมเยียน ยิ่งถ้าเป็นลูกเป็นหลานก็จะกอดหน้ากอดหลัง ทำให้มีความอบอุ่นใจ การอ่อนน้อมของคนอื่นๆ ต่อคนแก่แม้ไม่ใช่ลูกหลานเป็นสิ่งที่ดีงาม อย่างไรก็ตามผู้สูงอายุบางคนได้ตั้งข้อสังเกตโดยอธิบายว่า การที่คนทั่วไปแสดงปฏิกิริยาที่ดีเพราะคงรู้จักว่าเป็นคนดี แต่ถ้าเป็นคนแก่ที่ไม่ดีคงจะไม่มีใครกล้ามาทักทายไม่แสดงความนับถือ
ผู้สูงอายุบางคนเชื่อว่าการที่จะให้คนทั่วๆ ไปแสดงความเคารพนับถือไม่ใช่ตัวผู้สูงอายุเพียงคนเดียว แต่ต้องขึ้นอยู่กับบริวารคือลูกหลานด้วยเพราะจะทำให้เลื่องลือไปว่าเป็นคนแก่ที่ดีลูกหลานรักมีลูกหลานดูแล นอกจากนี้ผู้สูงอายุยังได้ยกตัวอย่างว่า ผู้สูงอายุที่มีฐานะร่ำรวย บริจาคเงินทอง มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จะเป็นที่นับถือของคนทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะเป็นคนร่ำรวยแต่เป็นคนเสียสละใจกว้าง คนส่วนใหญ่จึงมีความเคารพและศรัทธา คนหนุ่มสาวบางคนชอบมาสนทนากับคนแก่ สนใจและห่วงใยแม้จะไม่ใช่ลูกหลานก็ตาม ที่ปฏิบัติเช่นนี้ก็เพราะคนแก่เป็นผู้มีประสบการณ์มีความรู้ผ่านโลกมามาก บางคนมาอวยพรให้มีอายุยืนยาวอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรต่อไป
ทัศนะต่างๆ ที่ผู้สูงอายุได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น ชี้ให้เห็นว่าคนทั่วไปในชนบทไทยยังคงให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุแม้จะไม่ใช่ลูกหลานก็ตามทัศนคติในทางบวกนี้ ทำให้ผู้สูงอายุมีความภูมิใจในความเป็นผู้สูงอายุ ดังนั้นผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงอยู่ได้อย่างมีความสุขระดับหนึ่ง
- กลุ่มที่ไม่แสดงความเคารพ
ผู้สูงอายุที่แสดงความคิดเห็นในทางลบนี้ได้มีประสบการณ์และพิจารณาว่าคนทั่วๆ ไป มิได้ให้ความเคารพผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบในอดีต ลูกหลานและคนทั่วไปจะเชื่อฟังให้ความเคารพมากกว่าคนในรุ่นปัจจุบัน ผู้สูงอายุรายหนึ่งได้ยกตัวอย่างว่า เด็กนักเรียนที่นั่งในรถโดยสารไม่เคยลุกให้คนแก่เลย คนแก่ต้องโหนไปโหนมา ไปไหนก็ไม่มีใครยกมือไหว้ แม้แต่พระสงฆ์ คนทั่วๆไป ยังไม่กราบไหว้เลย คนรุ่นใหม่บางทีมองเห็นคนแก่เป็นคนรกโลก คนพวกนี้ไม่เคยคิดว่าต่อไปก็จะแก่เหมือนกันมัวแต่สนุกสนานเฮฮา ผู้สูงอายุที่มีทัศนคติในทางลบที่เคยเห็นว่าคนทั่วไปที่อื่นปัจจุบันไม่มีความเคารพแม้แต่พ่อแม่ของตัวเองไม่เคยดูแลปล่อยให้อยู่ลำพัง ผู้สูงอายุที่ตอบในกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ที่เคยมีประสบการณ์โดยตรงแต่เป็นการบอกเล่าว่าเคยพบเห็น ดังนั้นสิ่งที่ได้อธิบายจึงไม่ใช่ปัญหาของตนดังตัวอย่างที่ผู้สูงอายุเล่าให้ฟังถึงคนแก่คนหนึ่งที่ลูกหลานในบ้านไม่สนใจ ไม่เอาใจใส่ ทอดทิ้งให้อยู่ลำพังต้องหุงหาอาหารกินเอง ผู้สูงอายุที่เห็นทำนองเดียวกันนี้ได้อธิบายว่าคนทั่วๆ ไปไม่เห็นคุณค่าของคนแก่ที่เคยอบรมสั่งสอนเขามา บางคนรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ บางคนก็พูดจาไม่ดีกับคนแก่ ไม่เกรงใจ ไม่แสดงกิริยามารยาทที่ดีงาม
แม้ว่าผู้สูงอายุจะแสดงความคิดเห็นที่ได้จากการพบเห็น แต่ก็ยังไม่ใช่เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัว และผู้สูงอายุส่วนใหญ่ก็ยังตอบว่าที่เคยเห็นนั้นเป็นครอบครัวอื่นหรือหมู่บ้านอื่น ส่วนชุมชนที่ตนเองอยู่นั้นยังไม่พบเห็นปรากฏการณ์ที่รุนแรงดังกล่าว
- กลุ่มผสมผสานทั้งแสดงความเคารพและไม่เคารพ
ผู้สูงอายุกลุ่มนี้ได้ให้เหตุผลทั้งทางบวก คือ คนส่วนใหญ่ทั่วๆ ไป ยังให้การเคารพยกย่อง เกรงใจและเห็นคุณค่าของผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันได้ตอบว่า “เป็นเพียงบางคน บางครอบครัว” ที่มีพฤติกรรมทางลบ คือ บางคนก็เคารพนับถือ ช่วยเหลือดี บางคนก็ปฏิบัติไม่ดีกับคนแก่ เช่น กลุ่มวัยรุ่น มีแต่ความคึกคะนอง ส่วนผู้ใหญ่ทั่วๆ ไป สังเกตเป็นว่ายังให้การเคารพนับถือดี ผู้สูงอายุหลายคนสรุปว่า การที่คนทั่วไปมีพฤติกรรมในทางลบเป็นเพราะขาดการอบรมสั่งสอนจากใจครอบครัวที่สอนให้เห็นคุณค่าของผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าคนทั่วๆ ไป มัวยุ่งแต่เรื่องของตัวเองที่ต้องรีบเร่งทำมาหากิน ไม่ค่อยมีเวลา และให้ความสนใจผู้สูงอายุ
เมื่อพิจารณาภาพรวมตามความคิดของผู้สูงอายุที่ประเมินพฤติกรรมของคนทั่วๆ ไป อาจสรุปประการแรกได้ว่าความเคารพนับถือ ยกย่องหรือความเกรงใจ ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะและพฤติกรรมของผู้สูงอายุ เช่น เป็นผู้ที่มีความประพฤติดี เป็นคนดี มีลูกหลานที่ดีไม่ทำตัวเป็นปัญหา ไม่ทะเลาะวิวาทกับใคร มีความเป็นผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม ประการที่สองคือ เป็นผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ ประสบความสำเร็จในชีวิต มีทรัพย์สินเงินทอง ประการที่สามเป็นผู้ที่มีอุปนิสัยโอบอ้อมอารี มีเมตตา พูดจาดี ประการที่สี่ เป็นผู้มีศีลธรรม ประพฤติชอบทั้งกาย วาจา ใจ เข้าวัดถือศีล เป็นตัวอย่างที่ดี และประการสุดท้ายเป็นผู้อาวุโส คือเป็นคนเฒ่าคนแก่ตามอายุ ที่ทำให้บุคคลทั่วไปเกรงใจ แม้จะไม่รู้จักก็เคารพในศักดิ์ศรีที่เป็นผู้สูงอายุ
สำหรับการปฏิบัติที่แสดงความเคารพ และไม่เคารพนั้น สามารถสังเกตจากท่าทางคำพูดต่างๆ ที่ประเมินจากสำเนียงและถ้อยคำต่างๆ เช่น
- การแสดงความเคารพ จะแสดงกิริยามารยาท ทักทาย ยกมือไหว้ ช่วยเหลือเกื้อกูล ใช้คำพูดที่แสดงการยกย่อง เช่น เรียกยาย ย่า ลุง ป้า นอกจากนี้ยังให้ความเคารพโดยการไปรดน้ำดำหัวขอพร และแสดงความห่วงใยเอื้ออาทร ส่วน
- การแสดงความไม่เคารพ จะแสดงท่าทางกิริยาที่ดูถูกดูหมิ่น ไม่เอื้อเฟื้อ ไม่ให้ความช่วยเหลือ ไม่ยกมือไหว้ ไม่ทักทาย เมื่ออบรมสั่งสอนจะไม่เชื่อฟัง ดื้อรั้น
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้สามารถจัดประเภทกลุ่มบุคคลที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สูงอายุได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนทั่วๆ ไปที่ผู้สูงอายุไม่รู้จัก กลุ่มคนทั่วไปที่ผู้สูงอายุรู้จักหรือกลุ่มที่อาศัยอยู่ในชุมชนด้วยกัน และกลุ่มลูกหลานญาติมิตร ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เชื่อว่า คนส่วนใหญ่จะยังคงให้ความเคารพยกย่องผู้สูงอายุอยู่แม้ไม่ใช่ลูกหลานหรือคนที่รู้จัก กลุ่มคนเหล่านี้มองผู้สูงอายุในฐานะที่เป็น “ผู้อาวุโส” ยังคงแสดงน้ำใจ มิตรไมตรี และให้ความเคารพนับถืออยู่ ส่วนกลุ่มชาวบ้านด้วยกันที่รู้จักหน้าค่าตาและอาศัยอยู่ในละแวกบ้าน ยังคงให้ความเคารพเพียงลูกหลานของตน การแสดงความไม่เคารพอาจเป็นเหตุผลส่วนตัวแต่จะปรากฏน้อยมาก เพราะทุกคนเปรียบเสมือนญาติมิตรที่อาศัยอยู่ร่วมกัน นอกจากกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่ค่อยจะแสดงออกให้เห็นถึงความสนใจต่อผู้สูงอายุเมื่อพบเห็น สำหรับกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มลูกหลานนั้น ผู้สูงอายุเกือบทั้งหมดเชื่อว่าลูกหลานให้ความเคารพยกย่องเชื่อฟังดีเพราะเป็นบรรพบุรุษญาติผู้ใหญ่ สังเกตจากพฤติกรรมที่ให้ความอุปการะช่วยเหลือให้เงินทองสิ่งของและกลับมาเยี่ยมเยียนเป็นประจำ อย่างไรก็ตามผู้สูงอายุมั่นใจว่าการแสดงพฤติกรรมไม่ว่าจะให้ความเคารพหรือไม่เกิดจากการอบรมสั่งสอนของแต่ละครอบครัวเป็นสำคัญ