- การช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างผู้สูงอายุกับลูกหลาน
ผู้สูงอายุเป็นทั้งผู้ให้คำปรึกษา แนะนำแก่ลูกหลานในฐานะผู้อาวุโส ผู้มีประสบการณ์และเป็นเสมือน “ผู้ใหญ่” ของครอบครัวและชุมชนมาโดยตลอด เมื่อผู้สูงอายุมีอายุมากขึ้น บทบาทของการเป็นผู้นำเริ่มลดน้อยลงไป ทั้งหน้าที่และบทบาทที่เคยได้ปฏิบัติมาก่อน เป็นประเด็นที่คณะผู้วิจัย ต้องการจะทราบว่าขณะนี้ผู้สูงอายุยังทำหน้าทีเป็น “ผู้ให้” ความช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ลูกหลานอยู่หรือไม่ ขณะเดียวกันลูกหลาน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูมา มีความกตัญญู มีการเคารพยกย่อง และเป็นผู้ที่ต้องตอบแทนพระคุณของผู้สูงอายุได้ปฏิบัติอย่างไร เป็นประเด็นที่จะเสนิในหัวข้อนี้ ผลจากการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจากลูกหลาน ลำดับรองลงไปผู้สูงอายุได้ตอบว่าเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ที่เหลือตอบว่าไม่ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพราะต่างคนต่างอยู่ และมีเพียงส่วนน้อยที่ยืนยันว่าเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือลูกหลานเป็นส่วนใหญ่ เมื่อสรุปตามรายละเอียดของการปรนนิบัติของลูกหลาน และเหตุผลที่ได้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลประกอบด้วยอะไรบ้าง ดังประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้
1.การได้รับความช่วยเหลือเกื้อกุลจากลูกหลาน
- ด้านเงินทอง ลูกหลานช่วยเหลือเรื่องเงินทอง โดยรับภาระการเลี้ยงดูน้องๆ ถ้ามีหนี้สินก็จะรับใช้ให้ หรือส่งเงินมาให้ทุกๆ เดือน
- ด้านสิ่งของเครื่องใช้ ซื้อเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ในบ้าน และสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
- ด้านแรงงาน ช่วยทำความสะอาดบ้านเรือน ปัดกวาด เช็ดถู ซักเสื้อผ้า
- ด้านอาหารการกิน ลูกหลานจะซื้ออาหาร ขนม เตรียมหุงหาอาหารให้ก่อนไปทำงาน
- ด้านการรักษาพยาบาล พาไปหาหมอหรือซื้อยามาให้ในยามเจ็บป่วย บีบนวด เอาใจใส่ดูแลด้านสุขภาพ
- ด้านการพักผ่อนหย่อนใจ ลูกหลานพาไปท่องเที่ยวแล้วแต่โอกาส เช่น ไปกรุงเทพฯ หรือไปจังหวัดอื่นๆ
- ด้านศาสนา จะพาไปวัดทำบุญในวันพระและเทศกาล
2.การให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
- ลูกหลานให้ความช่วยเหลือด้านเงินทอง ซื้อข้าวของเข้าบ้าน ขณะเดียวกันผู้สูงอายุก็จะเฝ้าบ้าน เลี้ยงหลาน หรือทำงานในบ้านเท่าที่จะทำได้
- ลูกหลานช่วยทำงานในไร่นา ช่วยเหลือด้านเงินทอง ขณะเดียวกันก็จะช่วยดูแลบ้าน และทำงานบ้าน เลี้ยงหลาน
- ลูกหลานดูแลด้านความเป็นอยู่หุงหาอาหาร ชงโอวัลตินให้ดื่ม พาไปหาหมอเวลาเจ็บป่วย พาไปทำบุญ ขณะเดียวกันช่วยเหลือลูกหลานด้านเงินทองเมื่อเขาต้องการ
- เวลาจะไปไหนลูกจะพาไปส่ง เมื่อเจ็บป่วยจะพาไปหาหมอ ต้มข้าว เช็ดตัว ขณะเดียวกันก็จะช่วยทำงานบ้าน เลี้ยงหลาน รดน้ำต้นไม้
- ลูกหลานช่วยเหลือด้านอาหารการกิน ความเป็นอยู่ในบ้าน ขณะเดียวกันก็จะอบรมสั่งสอนลูกหลานให้เป็นคนดี เพราะมีประสบการณ์มากกว่า
- ลูกหลานปรนนิบัติดี ช่วยซื้ออาหาร ซื้อเสื้อผ้าให้ เมื่อเดือดร้อนด้านเงินทองจะช่วยทุกอย่าง ขณะเดียวกันก็จะต้มข้าว หุงหาอาหารให้ลูกหลานก่อนก่อนไปทำงาน
- ผู้สูงอายุซักเสื้อผ้า หุงหาอาหาร ทำงานบ้านให้ เพราะลูกหลานต้องออกไปทำงานหาเงินนอกบ้าน
3.ไม่ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ผู้สูงอายุที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้ให้เหตุผลว่าปัจจุบันลูกหลานได้แยกครอบครัวออกไปแล้ว ไม่ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะยังสามารถช่วยตนเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาผู้ใด ผู้สูงอายุบางคนที่ไม่มีลูกหลานแต่มีหลานบุญธรรมจะมาเยี่ยมบ้าง ไม่ถึงกับให้ความช่วยเหลือเกื้อกูล ผู้สูงอายุที่มีบุตรหลานอยู่ห่างไกลจะไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือดูแล ผู้สูงอายุที่ยังครองชีวิตอยู่ร่วมกันจะดูแลซึ่งกันและกันในครอบครัว เป็นบางครั้งที่ญาติหรือลูกหลานจะซื้อของมาฝาก
กล่าวโดยสรุป การปรนนิบัติของลูกหลานต่อผู้สูงอายุยังคงมีอยู่อย่างมั่นคงที่พบในการศึกษาครั้งนี้ จะมีความแตกต่างในรูปแบบและวีการซึ่งส่วนใหญ่อาจแตกต่างกันในรายละเอียด แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีความผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น โดยที่ผู้สูงอายุแทบทั้งหมดจะได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดีทั้งเรื่องทรัพย์สิน เงินทอง ข้าวปลาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนเป็นภาระดูแลในยามเจ็บป่วย ซึ่งผู้สูงอายุต่างยอมรับว่าปัจจุบันลูกหลานจะเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือมากกว่า อย่างไรก็ตามมีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ให้เหตุผลว่าสุขภาพยังดี สามารถให้ความช่วยเหลือลูกหลานได้ในบางเรื่องที่เป็นงานเบาๆ เช่น ดูแลบ้าน ทำงานบ้าน หุงหาอาหารให้ลูกหลาน การช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างผู้สูงอายุกับลูกหลานเป็นไปตามลักษณะการแบ่งงานที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่เป็นการผ่อนปรน สร้างสรรค์ให้มีความกระชับระหว่างคนต่างวัยที่มีสายใยผูกพันความเป็นพ่อแม่และลูกหลานซึ่งสร้างความพึงพอใจแก่ผู้สูงอายุทีได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งคณะผู้วิจัยสามารถสังเกตเห็นถึงความชื่นชมต่อพฤติกรรมที่ได้รับการปรนนิบัติ ที่ดีอันเป็นการตอบแทนพระคุณ ซึ่งผลการศึกษาในส่วนนี้สอดคล้องกับประเด็นต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น