ช่วงเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา มีโอกาสครีเอทงานข่าวผ่านคลิปข่าวสื่อ“เชียงรายนิวส์” ของบรรณาธิการข่าว โชตศิริ ดารายน และคอนเทนท์บนแพลทฟอร์ม TikTok ในชื่อโปรไฟล์ “เหนือเมฆ” ก็เชิญชวนติดตามกันได้ครับ เพื่อรักษามิตรภาพข่าวเชิงสร้างสรรค์สังคมเชียงรายไว้ด้วยกันครับ
ก็ต้องขอขอบคุณท่านประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย คุณนันทวรรณ กันคำ และทีมข่าวคุณภาพ ที่กรุณาจัดส่งวาระงานของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและรองผู้ว่าราชการจังหวัด มาให้ผมอย่างต่อเนื่องรายวัน ทำให้ได้วางแผนผลิตงานสื่อได้อย่างมีความสุข สนุกสนาน และบันเทิงใจ
งานข่าวประจำเดือนมิถุนายนที่ผมประทับใจ น่าจะเป็นงานของกรมชลประทานเชียงราย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีกิจกรรมพัฒนาพื้นที่แก้มลิงเวียงหนองหล่ม จุดจัดงานพร้อมๆกับ 27 จังหวัดที่ถ่ายทอดสดผ่านระบบ video conference ทั่วประเทศ อยู่ที่ ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ตามโครงการพัฒนา 72 สายน้ำอย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนมายุ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ในส่วนเชียงรายนั้นมี ว่าที่ ร.ต.ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน
สัมผัสแรกที่ผมเห็นก็คือ พื้นที่กักเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ พื้นที่เก็บน้ำ 14,091 ไร่ ครอบคลุม 4 ตำบลของ อ.แม่จัน และอ.เชียงแสน โครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงเวียงหนองหล่มนี้ มีพื้นที่รองรับน้ำฝน 116,000 ไร่ และรองรับน้ำท่าที่จะไหลลงสู่เวียงหนองหล่มได้ถึง 72 ล้านลูกบาศก์เมตร
ผมมีโอกาสดูชมเอกสารผังงานของชลประทานจังหวัดเชียงรายที่จัดแสดงไว้หน้างานแล้ว ก็ต้องแสดงความยินดีกับชาวเชียงรายไว้เป็นการล่วงหน้าที่จะมีแหล่งน้ำไว้อุปโภค บริโภค และเพื่อการทำการเกษตรอีกแอเรียหนึ่ง ซึ่งจริงๆพื้นที่ชุ่มน้ำเวียงหนองหล่ม ก็เป็นชื่อเสียงที่ติดปากหลายๆคนมานานแล้ว แต่การพัฒนาต่อยอดและนำปัญหามารีโนเวจใหม่จนเป็น “แก้มลิง” ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 น่าจะภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้น
โครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงเวียงหนองหล่ม เป็นการพัฒนาแหล่งน้ำให้ยั่งยืน แต่ที่น่าจะต้องไปไกลกว่านั้น น่าจะเป็นการพัฒนาให้เป็นแลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยง ก็ดำเนินการตามแผนพัฒนาที่วางไว้นั่นแหละครับ เพราะชื่อแบรนด์ของเวียงหนองหล่ม ได้ชื่อว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางอารยธรรม วัฒนธรรม และธรรมชาติ
ต้นทุนทาง “ธรรม” ของเวียงหนองหล่มที่ไปผูกกับการล่มสลายของโยนกนคร เมื่อกว่า 1,300 ปี มีหลักฐานทางโบราณวัตถุ โบราณคดี มากมายให้ตาดู หูฟัง สมองคิด พิจารณาถึงความเจริญรุ่งเรืองของบรรพบุรุษไทยในระดับมหภาคนะครับ ถ้าระดับจุลภาคก็คือ จังหวัดเชียงรายนี่แหละครับ จะบอกว่าอาณาจักรล้านนาก็กว้างขวางเกิน
เชื่อมโยงกับ 2 วัดที่เหลือหลังจากแผ่นดินไหวใหญ่ไม่รู้กี่สิบริกเตอร์เมื่อหนึ่งพันกว่าปีล่วงมาแล้วจน “โยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น” จมธรณี ทุกชีวิตทุกลมหายใจและทุกสิ่งปลูกสร้างราพณาสูร เหลือเพียง “นางเขียว” คนเดียวที่ไม่ตาย สองวัดที่เหลือ คือ วัดพระธาตุดอยกู่แก้ว และวัดป่าหมากหน่อ
อยากรู้ว่า “นางเขียว”เป็นใครก็ต้องไปวัดหนองปากหน่อ อยากรู้ว่า “กู่แก้ว” พุทธศิลป์เป็นอย่างไรก็ต้องไปวัดพระธาตุดอยกู่แก้ว ทั้ง 2 วัดอยู่ในตำบลจันจว้า หรือจะเลยไปที่ “วัดป่าสักหลวง” อีกวัดก็ได้ครับ ไปกราบพระแสนแซ่ ที่นายพรานไปพบเจอแล้วพาเพื่อนบ้านไปหามไปต่างล้อต่างเกวียนขึ้นมาจากบ่อดิน บ้านป่ายางสุ่มไก่ แต่ท่านก็ไม่ยอมมาด้วย แบกหามไม่ไหว จนชาวบ้านต้องเอ่ยปากว่าท่านประสงค์จะไปประดิษฐานที่วัดใด และท่านก็เลือกที่จะมาที่วัดป่าสักหลวง หรือวัดป่าสักดอนตันในขณะนั้น
ทำไมพระแสนแซ่ ถึงชื่อแสนแซ่ และทำไมท่านจึงเลือกมาประดิษฐานที่วัดป่าสักหลวง ก็ต้องไปวัดป่าสักหลวง ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน จ.เชียงราย….ตามไปดู ไปกราบ ไปไหว้ ครับ
พระแสนแซ่ มีความสำคํญน่าสนใจตรงที่พุทธลักษณะ ศิลปอัตลักษณ์เฉกเช่นเดียวกับพระพุทธรูปที่พบทุกองค์ในเวียงหนองหล่ม นั่นก็คือเป็นพระพุทธรูปร่วมยุคสมัย โยนกนคร ซึ่งน่าจะสร้างในสมัยพุทธศตวรรษที 19
เกริ่นเรื่องโครงการพัฒนาแก้มลิงเวียงหนองหล่ม แต่เตลิดมาไกลถึงอาณาจักรโยนกนครก็ด้วยเพราะคำว่า พัฒนาเวียงหนองหล่มให้เป็นมากกว่าการพัฒนาแหล่งน้ำ ให้มาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยง มีเกียรติภูมิ เกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของบรรพบุรุษที่เคยอพยพสู้รบประดาบจนพัฒนาการจากอดีตมาเป็นเมืองเชียงรายในปัจจุบันให้ทุกชีวิตได้อยู่เย็นเป็นสุข
อยากจะเห็นร่องรอยหลักฐาน พระพุทธรูปโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ อดีตกาลของ โยนกนคร ก็เดินทางไปดูชมได้ที่ ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม นายกฤชฐา พลตรี ผู้อำนวยการโรงเรียนพร้อมคณะรอต้อนรับทุกท่าน มีนักเรียนมัคคุเทศก์ “น้องน้ำฝน”กับ “น้องซันเดย์” นำเยี่ยมชมครับ ทุกวัน ยกเว้นวันหยุดราชการ…..