- พนักงานของ Trip.com Group กว่า 520 คนทั่วโลกได้รับผลประโยชน์จากนโยบายเงินสนับสนุนค่าดูแลบุตรนับตั้งแต่การเปิดตัวนโยบายนี้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
- Trip.com Group ยังมีนโยบายบริษัทอื่นๆเพื่อส่งเสริมชีวิตครอบครัวของพนักงานด้วย เช่น ตัวเลือกการทำงานแบบ Hybrid ผสมผสานการทำงานจากที่ออฟฟิศและการทำงานจากที่บ้าน
Trip.com Group ประกาศวาระครบรอบหนึ่งปีของความสำเร็จในการประกาศใช้นโยบายบริษัทที่เป็นมิตรต่อครอบครัวเพื่อส่งเริมชีวิตครอบครัวของพนักงาน ในการมอบเงินสนับสนุนค่าดูแลบุตรให้กับพนักงานของ Trip.com Group ทั่วโลก เพื่อสนับสนุนพนักงานในการวางแผนครอบครัว โดยพนักงานทุกคนที่ทำงานกับทาง Trip.com Group เป็นระยะเวลา 3 ปีขึ้นไปที่มีบุตร จะได้รับเงินสมทบเป็นโบนัสพิเศษประจำปี ปีละ 50,000 บาท เพื่อสนับสนุนเป็นค่าดูแล นับตั้งแต่วันเกิดปีแรกจนกระทั่งบุตรมีอายุครบ 5 ปี
โดยตลอดระยะเวลาหนึ่งปีนับตั้งแต่การประกาศใช้นโยบายดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2566 พนักงานของ Trip.com Group กว่า 520 คนทั่วโลกได้รับผลประโยชน์จากนโยบายเงินสนับสนุนค่าดูแลบุตรตามนโยบายนี้ โดยนโยบายดังกล่าวนอกจากจะเป็นการสนับสนุนการวางแผนครอบครัวของพนักงานแล้ว ยังได้เพิ่มศักยภาพของพนักงานในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวและชีวิตการทำงานอีกด้วย
สำหรับนโยบายเงินสนับสนุนค่าดูแลบุตร ได้รับการตอบรับดีมากจากพนักงานของ Trip.com Group ได้รับผลประโยชน์:
Selviana Fortunella Santoso ผู้จัดการฝ่ายการตลาดในอินโดนีเซีย กล่าวว่า เธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนในขณะที่เธอรู้ว่าเธอกำลังจะได้รับเงินสนับสนุนค่าดูแลบุตร เธอกล่าวว่าเธอรู้สึกยินดีมากๆจากนโยบายของบริษัทที่เป็นมิตรกับครอบครัว และเธอยังรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นอีกกับประกันสุขภาพของบริษัทที่ครอบคลุมสำหรับการลาคลอดบุตร 90 วัน
Qianyu Fang นักวิเคราะห์การเงินอาวุโสในประเทศจีน กล่าวว่า ลูกสาวของเธอเกิดในเดือนพฤศจิกายน 2566 หลังจากที่ทางบริษัทประกาศใช้นโยบายดังกล่าว ซึ่งทำให้เธอรู้สึกมั่นใจกับนโยบายของบริษัทนี้เช่นกัน เธอกล่าวว่าเงินสนับสนุนจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการศึกษาและการทำกิจกรรมเสริมของลูก โดยนโยบายของบริษัทนี้ได้มอบสองสิ่งที่สำคัญคือเงินและเวลาให้ครอบครัวของเธอ
นอกเหนือจากการสนับสนุนทางการเงินแล้ว พนักงานที่ได้รับสิทธิ์จากนโยบายดังกล่าวยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญและความอุ่นใจที่ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของบริษัทที่เป็นมิตรต่อครอบครัว ที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน Xinqi Du ผู้บริหารตลาดในญี่ปุ่น กล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับประสบการณ์ที่ดีมากจากนโยบายของบริษัท ด้วยวัฒนธรรมของบริษัทที่เป็นมิตรกับครอบครัว ฉันสามารถพาลูกๆไปที่ทำงานหลังเลิกเรียนได้ด้วย ฉันยังมีหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานที่คอยสนับสนุนและเข้าใจ”
สำหรับนโยบายการทำงานแบบ Hybrid เพื่อส่งเสริมสุขภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน:
ในฐานะบริษัทที่เป็นมิตรกับครอบครัว Trip.com Group ยังคงให้การสนับสนุนผู้ปกครองที่ต้องทำงาน และดูแลพนักงานในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้ใช้นโยบายที่เป็นมิตรกับครอบครัว เช่น การทำงานแบบ Hybridผสมผสานที่ทำงานและที่บ้าน การมอบประกันภัยของบริษัทครอบคลุมคู่สมรสและบุตรของพนักงาน รวมไปถึงสนับสนุนการวางแผนครอบครัวอื่นๆ เช่น การฝากไข่ หรือการทําเด็กหลอดแก้ว
ในปีนี้ Trip.com Group ยังครบวาระ 2 ปีแห่งความสำเร็จในการประกาศใช้นโยบายการทำงานแบบ Hybrid ผสมผสานการทำงานที่ทำงานและที่บ้าน ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานที่ได้มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ปัจจุบันนโยบายดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ในหลากหลายประเทศ รวมถึงสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และเกาหลี และบริษัทยังมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงความพึงพอใจของพนักงาน โดยการมีส่วนร่วมในการดูแลครอบครัว และการส่งเสริมความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงานอย่างต่อเนื่อง
การทำงานแบบ Hybrid จากที่บ้านกลายเป็นมาตรฐานสำหรับพนักงานจำนวนมากทั่วโลก แต่บางคนยังคงมีข้อโต้แย้งถึงผลกระทบของการทำงานแบบ Hybrid ต่อพนักงานและบริษัท เกี่ยวกับผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงาน นวัตกรรม และการพัฒนาอาชีพ แต่อย่างไรก็ตามได้มีงานวิจัยที่ทดลองในระยะเวลา 6 เดือนเพื่อตรวจสอบผลกระทบของการทำงานแบบ Hybrid จากที่บ้าน ผลสำรวจจากพนักงาน 1,612 คนของ Trip.com Group ในปี 2564-2565 พบว่าการทำงานแบบ Hybrid ช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน และยังลดอัตราการลาออกได้ถึงหนึ่งในสามอีกด้วย
อัตราการลาออกที่ลดลงมีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางระยะทางไกลจากบ้านไปยังที่ทำงาน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานแบบ Hybrid นั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานในช่วงสองปีข้างหน้า โดยผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ชัดเจนว่า ตารางการทำงานแบบ Hybrid ผสมผสาน ซึ่งมีการทำงานจากที่บ้านสองวันต่อสัปดาห์ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน: การทำงานแบบ Hybrid นับเป็น win-win-win ในด้านประสิทธิภาพการทำงาน ผลการปฏิบัติงาน และการรักษาพนักงานให้อยู่กับทางบริษัทด้วย
โดยนับจากนี้ไป Trip.com Group จะมุ่งมั่นในการค้นหาวิธีการ และนโยบายใหม่ๆ ในการสนับสนุนสุขภาพชีวิตของพนักงาน รวมถึงสนับสนุนพนักงานในการวางแผนครอบครัวอย่างต่อเนื่องต่อไป