คอลัมน์ » 3.หมอณุ รวยแล้วก็พูดได้สิ

3.หมอณุ รวยแล้วก็พูดได้สิ

7 มิถุนายน 2024
339   0

หลังเกษียณอายุผมเริ่มเดินสายบรรยายเพื่อสร้างคนดีแทนคุณแผ่นดิน ผมพบว่าสังคมไทยเปลี่ยนไปมาก ทุกแห่งจะพูดถึงแต่เรื่องเงินเป็นสำคัญ สมัยที่ผมเริ่มทำงานนั้นเราจะพูดถึงเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ความดีงามความมีคุณค่า พวกเราชื่นชมคนดี คนมีคุณค่า แต่ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่จะชื่นชมยกย่องคนมีเงิน โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าร่ำรวยมาจากอะไร เป็นคนดี หรือทำสิ่งที่ดีให้สังคมหรือไม่อย่างใด

แต่ละคนจึงคิดถึงแต่เรื่องเงินเรื่องรายได้ ไม่ว่าจะทำอะไรเงินต้องมาก่อนเสมอ อาจเป็นไปได้ว่าคนส่วนใหญ่ ในปัจจุบันถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กในเรื่องเงินเป็นสำคัญ สอนลูกให้เรียนเก่งๆจะได้มีโอกาสทำงานดีๆหาเงินได้มากๆ ผมได้รับเชิญให้ไปบรรยายในโรงเรียนแพทย์ หลายแห่ง ได้สอบถามนักศึกษาแพทย์หลายคนถึงเหตุผลในการมาเรียนแพทย์ คำตอบส่วนใหญ่จะเป็น พ่อแม่อยากให้เรียน ที่เหลือจะตอบว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ดี ไม่ต้องง้องาน ต่างจากคำตอบในสมัยรุ่นผม เกือบทั้งหมดจะบอกว่ามาเรียนเพราะอยากช่วยเหลือคนไข้ แสดงถึงจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อจบเป็นแพทย์แล้วจึงมีความแตกต่างกัน สมัยผมพวกเราเกือบทั้งหมดจะอยู่ในระบบราชการ หลายคนอยู่ห่างไกลจากบ้านมากตัวผมเองไปใช้ทุนอยู่ที่รพ.เบตง ยะลา ใช้ทุนจนครบ3ปี(รวมแพทย์ฝึกหัด)ตามสัญญา เพราะรู้ว่าได้รับเงินจากภาษีอากรซึ่งเป็นเงินของแผ่นดินอุดหนุนในการเรียนแพทย์ จะใช้เงินทดแทนจำนวนสี่แสนบาทแล้วลาออกจากราชการน้อยมาก แต่ปัจจุบันนี้มีข่าวการลาออกของแพทย์ใช้ทุนยอมเสียเงินชดใช้ทุนคนละหลายแสนปีละหลายร้อยคน

ความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยในปัจจุบันที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เป็นห่วงว่าต่อไปในอนาคตใครจะมาดูแลคนไข้ที่ยากจน ผมจำได้ว่าปี2559ได้ไปเดินเล่นที่ตลาดแห่งหนึ่งเห็นคุณยายท่านหนึ่งนั่งขายของอยู่หน้าตลาด มีป้ายกระดาษเขียนบอกว่า “เศษไม้ก่อไฟ”มัดละ1บาทผมคิดดูว่าเดี๋ยวนี้จะมีคนซื้อหรือเปล่าเพราะทุกบ้านใช้เตาแก๊สเตาไฟฟ้ากันหมดแล้ว ที่สำคัญราคามัดละ1บาท นั่งขายทั้งวัน20มัดจะได้หรือเปล่า เงิน20บาทสำหรับบางคนทำไมหายากเหลือเกิน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงวุ่นวายกับการหาเงินอยู่ตลอดเวลา

ในอดีตนั้นมีเงินมากก็ใช้ชีวิตไม่ต่างกันนักเพราะสิ่งอำนวยความสะดวกยังมีไม่มาก บ้านก็มีอยู่ไม่กี่แบบ ไม่มีแอร์หรือเครื่องตกแต่งมากนัก รถเก๋งก็มีไม่กี่รุ่น เสื้อผ้าก็มีแบบเหมือนๆกันไม่มีให้เลือกมาก ร้านอาหารก็มีไม่กี่ร้าน มีเงินมากเพียงใดก็ไม่มีที่ให้ใช้ แต่ปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น บ้านมีราคาต่างกันมากมีเครื่องตกแต่งบ้านมากมาย รถเก๋งมีราคาเรือนแสนถึงหลายร้อยล้านบาท เสื้อผ้ามีแฟชั่นให้เลือกมากมายราคาก็แตกต่างกันมาก ร้านอาหารมีมากมายราคาแต่ละมื้อตั้งแต่ไม่ถึงร้อยจนเป็นหลักหมื่น เงินจึงมีความสำคัญมาก บางคนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ทำให้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาโดยไม่คำนึงถึงว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ทุกอาชีพต่างหาช่องทางให้รายได้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่คิดถึงความเดือดร้อนของคนอื่น

สังคมเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยสงบร่มเย็น มีความรักความสามัคคีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน กลายเป็นสังคมที่เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว คุณธรรมจริยธรรมเสื่อมลงไปมาก เกิดปัญหาในสังคม มีความแตกแยก เกิดการฟ้องร้องกันมากมาย มีความวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา เกิดคดีความแปลกๆขึ้นมากมายบางครั้งเราไม่เคยคิดว่าจะได้พบเห็น ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่เร่งแก้ไข ปัญหาต่างๆคงจะเลวร้ายขึ้นไปเรื่อยๆ

สมัยนี้เงินเป็นพระเจ้า แทบทุกคนนิยมยกย่องชื่นชมคนมีเงิน เห็นคนขับรถหรู มีบ้านหลังใหญ่ ใช้แต่ของแบรนด์เนม ก็คิดว่าเป็นคนดีคนเก่งแล้ว เห็นคนแต่งตัวซอมซ่อก็มองว่าไม่ดีไว้ก่อน ทั้งๆที่คนมีเงินมากมายเป็นคนไม่ดี ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ในขณะที่คนจนเป็นคนดีมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำประโยชน์ให้สังคมมากมาย แต่ไม่มีศักดิ์ศรีในสังคม

ผมจำได้ว่าเย็นวันหนึ่งหลังเลิกงานแล้วแวะไปดูห้องฉุกเฉิน เห็นพยาบาลอาวุโสคนหนึ่งกำลังเช็ดเท้าให้คนไข้คน เท้าทั้งสองข้างดำปี๋สกปรกมาก เสื้อผ้าเก่า ขาดและสกปรก กลิ่นตัวแรงขนาดผมอยู่ห่างยังได้กลิ่นเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน แต่พี่พยาบาลคนนี้ไม่แสดงท่าทีรังเกียจ เช็ดเท้าให้คนไข้เหมือนเช็ดให้ลูก ค่อยๆเช็ดตามซอกนิ้วอย่างนุ่มนวลปากก็สอนคนไข้ให้รักษาความสะอาดของร่างกาย ผมแอบดูหน้าคนไข้ที่นอนตะแคงอยู่ ผมยาวกระเซอะกระเซิง หนวดเครารุงรัง ดูหน้าตาอายุราว40ปี ที่น่าสนใจคือน้ำตาของคนไข้ไหลตลอดเวลา ทำให้ผมนึกถึงสมัยที่เป็นประธานกรรมการสงเคราะห์สถานพินิจเด็กและเยาวชน เชียงราย มีเด็กชายคนหนึ่งอายุ14ปี ถูกส่งเข้ามาใหม่(เด็กที่ทำความผิดอายุต่ำกว่า18ปีจะถูกส่งตัวเข้ารับโทษในสถานพินิจฯ) ตอนตรวจร่างกายแรกรับผู้คุมบอกผมว่าทุกคนน้ำตาไหลสงสารเด็กคนนี้มาก ทั้งร่างกายมีรอยบุหรี่จี้ไม่เว้นแม้แต่ลูกอัณฑะ อวัยวะเพศ ที่บริเวณกลางหลังมีรอยแผลเป็นถูกเตารีดนาบ เด็กคนนี้ทำความผิดฐานทำร้ายนายจ้าง ผมคิดว่าเด็กคนนี้ตั้งแต่เกิดมาคงไม่มีใครอยากได้ ถูกคนอื่นทำร้ายมาตลอด ไม่มีใครเห็นคุณค่า คนไข้คนนี้ก็คงไม่ต่างกัน ที่น้ำตาไหลตลอดเวลาคงมีความรู้สึกว่าทำไมพยาบาลคนนี้ถึงดีต่อเขาอย่างนี้ ผมเชื่อว่าเมื่อหายไข้แล้วเขาคงจะทำตัวดีขึ้น เพราะมีคนเห็นคุณค่าในตัวของเขา ถ้าเราเจอคนไข้แบบนี้ เรายังแสดงท่าทีรังเกียจ เขาจะคิดอย่างไรแม้ในยามเจ็บป่วยยังไม่มีใครเห็นคุณค่าในชีวิตเขาเลย

ผมขอร้องทุกคนว่าเห็นคนไข้สกปรก ซกมก ซอมซ่อ ที่สุด กรุณาดูแลเขาให้ดีที่สุดด้วย เราอาจช่วยให้มีคนดีเพิ่มขึ้นในสังคมได้

วันหนึ่งผมมีโอกาสไปบรรยายให้ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาแห่งหนึ่งในกทม. หลังเสร็จการบรรยาย มีอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “อาจารย์ณุ รวยแล้วจะพูดอะไรก็ได้” ทุกคนนิ่งเงียบกันหมด ผมจึงบอกอาจารย์ท่านนั้นไปว่า “อาจารย์รู้ได้อย่างไรว่าผมรวย เผอิญผมรวยจริงซะด้วย อาจารย์รู้หรือเปล่าครับว่าผมรวยตั้งอายุ40ปี”

“อาจารย์บอกผมได้ได้ไหมครับ คำว่ารวยของอาจารย์ต้องมีเงินเท่าไหร่ สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน อาจารย์ครับ ทั่วทั้งโลกไม่มีใครให้คำจำกัดความของคำว่ารวย ว่าต้องมีเงินหรือทรัพย์สินเท่าไหร่ ที่ผมบอกว่าผมรวยแล้ว ตั้งแต่อายุ40ปี คือผมพอแล้ว มีสิ่งจำเป็นและความสะดวกสบายพอควรสำหรับชีวิต ถ้าอาจารย์อยากรวยก็ต้องรู้จักพอ ถ้ายังไม่พอจะวิ่งหาความรวยเท่าไหร่ก็ไม่รวยสักทีครับ” ทุกคนสงบนิ่งฟังคำตอบของผม

ในยุคทุนนิยม วัตถุนิยมทุกคนต่างก็กระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อให้มีเงินทองและวัตถุที่ทัดเทียมกับคนอื่น เราต่างแข่งขันกันในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง หลายคนจบมาทำงานใหม่ๆอยากรวยเร็ว อยากรวยง่ายและอยากรวยมาก จึงทำให้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดแต่อย่างใด

ผมเชื่อว่าทุกคนตอนเริ่มต้นอยากเป็นคนดี อยากทำสิ่งดีๆเหมือนกันแต่เมื่อเวลาผ่านไปความตั้งใจที่ดีนั้นก็ถูกสั่นคลอนและเปลี่ยนไปในที่สุด แรกเริ่มนั้นข้างหนึ่งเราจะมีเทวดา นางฟ้าคอยบอกให้เราทำในสิ่งที่ดี ไม่เบียดเบียนใคร ในขณะที่อีกข้างหนึ่งจะมีผีห่าซาตานคอยบอกให้เราทำสิ่งชั่วร้าย เบียดเบียนเอาเปรียบคนอื่น พอนานๆไปเสียงจากเทวดานางฟ้าจะเบาลงเป็นเสียงกระซิบในขณะที่เสียงจากผีห่าซาตานจะดังกึกก้องขึ้นจนกลบเสียงเทวดานางฟ้าในที่สุด หลายคนจึงหลงผิดทำแต่สิ่งที่ชั่วร้ายจนเป็นนิสัยคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

เราจึงควรใช้ชีวิตของเราอย่างมีสติ คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดหรือทำอะไร จึงจะไม่เกิดความเสียหายในภายหลัง เป็นคนดีมีคุณค่าของสังคมให้พ่อแม่ ญาติพี่น้องครูอาจารย์ภูมิใจ

“ขอบคุณที่เป็นคนดี”

นพ.พิษณุ ขันติพงษ์

ข้าราชการบำนาญของแผ่นดิน



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า