
ในงานมงคลอย่างงานบวช งานขึ้นบ้านใหม่งานมุทิตาพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ และงานอวมงคลอย่างงานศพเป็นต้น งานเหล่านี้มักจัดให้มีการโปรยทานแก่ผู้มาร่วมงานเพื่อเป็นกุศลทานให้แก่เจ้าของงานและสำหรับผู้รับแล้วเหรียญโปรยจะเป็นวัตถุมงคลที่เชื่อว่าใครเก็บได้จะมีศิริมงคลแก่ตนและบ้านเรือน เหรียญที่ได้ไ,จึงเป็นเหมือนเงินขวัญถุงเมื่อเก็บไว้เชื่อว่าจะช่วยเรียกทรัพย์ทำมาค้าขายดี
จึงมีผู้นิยมแจกเหรียญโปรยทานนี้ ตามโอกาสอันเป็นมงคลงนั้นๆ ที่ต่างออกไปก็คืองานศพ งานศพทุกงานจะไม่ขาดเหรียญโปรยทานไปเสียไม่ได้เพราะเชื่อว่าเหรียญโปรยทานจะเป็นการสร้างกุศลให้ผู้ตายเป็นครี้งสุดท้าย เพื่อให้การทำกุศลให้ผู้ตายครบถ้วนทั้งบุญและทาน การบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมถือเป็นการอุทิศบุญให้ ถือเป็นอานิสงส์ใหญ่แล้วแต่ยังขาดกุศลทานที่ให้กับชาวบ้าน เหรียญโปรยทานจึงนับว่าเป็นการเติมเต็มของกุศลที่กระทำเพื่อผู้ตายคือไอ้ทั้งบุญได้ทั้งทานนั่นเอง
เป็นคติความเชื่อของคนไทยว่าการทำบุญถวายอาหารหรือสิ่งของแก่พระสงฆ์ถือเป็นบุญ่ใหญ่ที่มีอานิสงส์เลิศสำหรับผู้ทำ และเผื่อแผ่อุทิศไปถึงผู้ล่วงคือผู้ตายได้ ด้วยบุญอันนี้จะส่งผลให้มีทรัพย์มากแต่จะยังขาดบริวารอยู่ความเป็นผู้มีทรัพย์มาก แต่ขาดบริวารย่อมเกิดความลำบากแกตนและครอบครัวได้ การงานทั้งหลายล้วนต้องลงมือทำเองหาบริวารผู้ช่วยไม่ได้หรือถึงได้ก็ไร้ความมีใจให้แก่กัน ชีวิตนอกจากยากลำบากแล้วยังเป็นชีวิตที่แห้งไร้เพราะไร้น้ำใจจากคนรอบข้าง เพราะขาดอานิสงส์ทานแก่คยยากนั่นเอง

ทาน อานิสงส์ 2 แบบคือทานแก่สงฆ์เป็นสังฆทานและทานแก่คยยากจน การให้ทานแก่สงฆ์หรือสังฆทานเรากล่าวไปแล้ว แต่การให้ทานแบบที่2 คือการให้ทานแก่คนยากเป็นการแจกจ่ายทรัพย์หรือสิ่งของออกไปให้คนยากจนคยผู้ได้รับความลำบากหิวโหยหรือให้แก่คนผู้ประสบความทุกข์ยาก ลำบากจากภัยพิบัติต่างๆ เหล่านี้ ชาวไทยิชื่อว่าจะช่วยให้ได้เกิดในที่แวดล้อมที่ดี มีญาติมีมิตรคอยโอบอุ้มค้ำชู ช่วยเหลือ
นี่เอง เราจึงเห็นผู้คนช่วยกันตั้งโรงทานในงานสาวนรวมต่างๆ แต่งานนี้จะทำตามวาระและโอกาส ผู้ใดทำผู้นั้นได้ แต่กุศลที่ทำให้ผู้ตายนั้นเป็นการทำอย่างหวังผล เพื่ออุทิศให้ผู้ตายโดยตรง ด้วยความหวังว่าถ้าผู้ตายไม่เคยทำบุญมาเลย ตายแล้วจะลำบาก การทำบุญอุทิศให้ผู้ตายจึงต้องทำให้ครบทั้งบุญและทาน บุญนั้นได้ทำตลอดแล้วจากการบำเพ็ญกุศลศพ แต่ทาน ยังไม่มี เหรียญโปรยทานจึงเป็นคำตอบ
หลายท่านไม่ยอมเก็บเหรียญโปรยทานเพราะว่าเก็บแล้วชาติจะต้องไปเป็นข้ารับใช้เขา อันนี้เข้าใจผิดเพราะการจะเป็นข้ารับใช้เขาได้เราต้องติดหนี้เขา และเขาจำฝังใจและอาฆาตไว้นั่นจึงต้องมาชดใช้แก่กัน แต่เหรียญโปรยทานเป็นการให้โดยไม่มีจิตอกุศล มีแต่กุศลต่อกัน ดังนั้นถึงเก็บไปก็ไม่เป็นไรหากชาติใหม่มาพบกันก็เพียงเกื้อหนุนกันตามเหตุปัจจัย
หรือหากตะขิดตะขวงใจก็เก็บยื่นให้เด็กๆไปก็ได้หรือถ้าเก็บมาหลายงานจนเยอะไป ก็นำไปใส่ตู้บริจาคตามวัดก็เป็นการสร้างกุศลอีกต่อเเราก็ได้เจ้าของเหรียญก็ได้ดีต่อใจนะคะ