ชั่วโมงนี้ถ้าไม่พูดถึงเรื่องอากาศร้อนก็ดูจะตกข่าวไปหน่อย เพราะไม่ว่ามุมไหนของประเทศ สะท้อนออกมาในโลกโซเชียลอย่างเกรียวกราวพอสมควร ว่าที่นั่นที่โน่นจุดความร้อนแข่งกันปะทุไปถึงระดับไหนแล้ว ??
อากาศที่ร้อนจนผิวแทบไหม้ของประเทศไทยในปีนี้ เกิดจากอะไร ? เป็นความร้อนปกติตามฤดูกาลหรือเปล่า ?และอากาศร้อนแบบนี้จะอยู่กับเราอีกนานแค่ไหน ?
และที่สำคัญเราจะเจอสภาพแบบนี้ในปีหน้าหรือปีต่อๆไปอีกหรือเปล่า ?
ก็ต้องอาศัยผู้รู้ละครับ ที่ตอบคำถามระดับนี้ได้ เพราะฤดูร้อนปีนี้ของประเทศไทย ถือว่าหลายจังหวัดเผชิญอุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป อีกทั้งดัชนีความร้อนก็พุ่งสูงขึ้นเกือบถึง 50 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่ จนบางคนตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใด ? ไทยเราจึงมีอุณหภูมิที่รุนแรงแบบนี้
อาจารย์เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ท่านไขข้อข้องใจเรื่องนี้ว่าเป็นเพราะ…
- การเปลี่ยนแปลงภาคพื้นอากาศของโลก ร้อนมากขึ้น อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดย 50 ปีที่ผ่านมาเพิ่มมาแล้ว 3-4 องศาเซลเซียส
- ไทยได้ก้าวสู่ปรากฎการณ์เอลนีโญ่ที่จะเกิดถี่ขึ้น ยาวนานขึ้นและรุนแรงขึ้น ซึ่งนี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เพราะเมื่อ 2-3 ปีก่อนเราเจอกับลานีญ่า และปีนี้เป็นหน้าที่ของเอลนีโญ่นั่นเอง
- คลื่นความร้อนที่เพื่อนบ้านในทวีปเอเซียเผชิญอยู่ ไทยเองก็โดนด้วย ซึ่งตอนนี้ความร้อนสูงสุดของแต่ละประเทศในเอเซียเจอ ถูกเรียกเหมารวมว่า Monster Asian Heatwave แปลไทยคือ ‘ปีศาจคลื่นความร้อนแห่งเอเซีย‘ เพราะเพื่อนบ้านเราทุบสถิติอุณหภูมิสูงสุดในปีนี้นั่นเอง
- ต้นเหตุของคลื่นความร้อนและปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่ยาวนานและรุนแรง มีต้นเหตุมาจากภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change ที่เป็นตัวกระตุ้นให้ปรากฏการณ์ด้านสภาพอากาศทั่วโลกแปรปรวนและรุนแรงขึ้น
ซึ่งสรุปได้ว่า…อากาศที่ร้อนแสบผิวนี้รุนแรงขึ้น เป็นผลมาจาก‘คลื่นความร้อน‘ ปรากฏการณ์เอลนีโญ่และอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่สูงขึ้นอยู่แล้ว
อาจารย์เสรี-ให้คำแนะนำไว้ว่าสิ่งที่จะแก้ไขได้ในประเทศไทยตอนนี้ คือการปรับตัว รัฐจะต้องส่งเสริมสภาพเมืองให้กับประชาชน เช่น การเพิ่มต้นไม้ในเมืองให้เกิดความร่มรื่นแบบสิงคโปร์ พื้นที่ว่างไม่ได้ใช้งานอย่างดาดฟ้า หรือพื้นที่รกร้างควรมีต้นไม้เล็กใหญ่สลับกันไป
ในอนาคตสภาพอากาศจะแปรปรวนมากกว่านี้ และจะร้อนกว่าเดิม ถ้าหากเราไม่เปลี่ยนแปลงกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก และประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขภาวะโลกร้อนได้ แต่ประเทศมหาอำนาจจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ด้วย มาช่วยกันผลักดันการเปลี่ยนแปลงเรื่องสิ่งแวดล้อม ไปสู่ปัญหาระดับชาติกันให้มากๆ
ต้องขอบคุณอีกท่าน Sutheemon kumkoom ที่รายงานเรื่องนี้ไว้ให้เราได้ตระหนัก!!
ทีนี้ต้องมาถึงภัยจากความร้อนที่จะวิ่งเข้ามาสู่ชีวิต…นั่นคือภาวะฮีทสโตรกหรือภาวะลมแดด ที่ต้องระวังกันให้มากๆ เช่น
กลุ่มคนที่ทำงานกลางแจ้ง, คนสูงอายุหรือเด็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยเฉพาะภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุที่ต้องระวัง, นักกีฬาที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง, คนที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคความดันเลือด, คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะฮีทสโตรกได้มากกว่าคนปกติทั่วไป, และสุดท้ายกลุ่มสตรีมีครรภ์
แต่ก็ไม่ยกเว้น…แม้แต่พระที่กำลังนั่งสวดให้ศีลให้พรญาติโยมอยู่ดีๆ ก็เกิดฮีทสโตรกจนทำให้ท่านต้องลาโลกไปก่อนให้พรจบ !!
การดูแลและป้องกันเรื่องนี้…ต้องดื่มน้ำในปริมาณที่มากกว่าปกติ 2-3 ลิตรต่อวัน, หลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณกลางแจ้งหรือในที่ปิด, ถ้าจำเป็นต้องอยู่บ้านในระยะนานๆควรเปิดแอร์ หรือเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้น
โลกร้อนขึ้นทุกวัน สภาพอากาศที่ร้อนอย่างนี้จะผ่านไปเมื่อไหร่ยังไม่มีใครกำหนดได้…อยู่กับมันอย่างไม่ประมาท นอกจากดูแลตัวเองแล้วอย่าลืมดูแลคนข้างเคียงพร้อมกันไปด้วย…เพราะโลกใบนี้เราอยู่คนเดียวไม่ได้!!
——————