ผมเชื่อว่าใครที่ติดตามการโหมโรงประชาสัมพันธ์งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ หรือ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ที่จัดขึ้นอย่างอลังการมลังเมลืองกลางเมืองเชียงราย เมื่อราตรีทิฆัมพรภวังค์ 19 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา คงต้องมีอุทาน “วู้..ว้าว!” บ้างแหละน่า
แม้จะหงุดหงิดกับช่วงพิธีการและการบริหารจัดการหน้างานไปบ้าง !
อารมณ์คนที่ติดตามบรรยากาศหรือปรากฏการณ์ PR ค่ำคืนนั้น ไม่ว่าจะทางสื่อโซเชี่ยลหรือสัมผัสจริงหน้าหอนาฬิกาเทิดพระเกียรติฯ และตลอดเส้นทางขบวนศิลปศิลปินพาเหรด ก็คงอะเมซซิ่งตื่นตาตื่นใจ เพราะเป็นแอคชั่นที่ไม่ค่อยคุ้นตาผู้ชม งดงามแบบART ยุรยาตรแบบ carnival
อาจจะด้วยเพราะเป็นพาเหรดที่มีองค์ประกอบรูปขบวนรายอำเภอทั้งผู้คนในขบวน วัสดุอุปกรณ์และรถแห่ ล้วนแล้วแต่ “โชว์พาว” ด้วยงานศิลปะล้วนๆ จากทั้ง 18 อำเภอ โดยความคิดและประสบการณ์ของศิลปินในท้องถิ่นของแต่ละอำเภอ ร่วมกับพลังประชาคมท้องถิ่น ประชาชน นักเรียนนักศึกษา
เป็นวิสัชนาชัดเจนที่โดนใจในความสวยงามของความเป็น Art Carnival ที่แฝงเร้นด้วยที่มาที่ไปที่เป็นต้นทุนจากพลังชุมชนอย่างเต็มพื้นที่ที่ยินดีพร้อมใจกันทั้งจังหวัดในการเป็นเจ้าภาพต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศ ที่จะมีขึ้นตั้งแต่ 9 ธันวาคม 2566 ถึง 30 เมษายน 2567
มหกรรมโหมโรง Chiang Rai 2023 Art Carnival จึงเป็นเสมือน นิมิตหมายของการเริ่มต้นที่ดียิ่งแล้วของการพร้อม “ต้อนฮับแขกแก้วมาเยือนเจียงฮาย” ในช่วง “กระแสเบียนนาเล่” คึกคัก การท่องเที่ยวเชียงรายเข้มข้น หลังจากที่เคยจัดมาแล้วที่กระบี่ในปี 2561 นครราชสีมา ปี 2564 ส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นครั้งที่ 3
คนไทยหรือคนทั่วโลกจะมีโอกาสได้เห็นขบวนศิลปศิลปินท้องถิ่นสู่สากลก็ต้องใช้เวลาสองปีต่อครั้งหรือปีเว้นปี ตามรากศัพท์ความหมายของภาษาอิตาลีว่า biennale ที่แปลว่า การทำกิจกรรมใดๆแบบปีเว้นปี หรือ Every other year
งานศิลปะยิ่งใหญ่อะร้าอร่ามขนาดนี้ ก็น่าจะเป็นโอกาสที่กระบวนการทางด้านการศึกษาในจังหวัด ทั้งหน่วยงานการศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีโอกาสตักตวงต่อยอดเติมเต็มให้กับครู นักเรียน นักศึกษา ได้จุดประกายความฝันปั้นจิตวิญญาณของความเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีอารมณ์ศิลปะแฝงฝังซ่อนเร้นอยู่ในตนตัวให้ทะลุทะลวงรีแอคชั่นออกมาเป็นพื้นฐานคุณสมบัติคนไทยในทุกเจนเนอเรชั่น
การเป็นนักคิด นักออกแบบ มีความคิดสร้างสรรค์ สงบนิ่ง มีสมาธิ เชื่อมั่นในสัจจะและปรัชญาชีวิตแห่งอายตนะศรัทธาแห่งตนตัว ก็ล้วนแล้วแต่มีรากเหง้าศิลปะมาผสมผลานกับจิตวิญญาณและวิถีชีวิตอันเป็นอกาลิโกทั้งนั้น
ไม่ต้องถึงกับนำงานศิลปะไปเป็นทักษะหาเลี้ยงชีพก็ได้ แค่มีพื้นฐานหยั่งคิด หยั่งสำนึก หยั่งรู้ในเนื้อนาบุญแห่งงานศิลปตามแขนงประเภทถนัดหรือที่ตนตัวสนใจ ก็ถือว่าเป็นการจุดประกายให้เยาวชนวัยเรียนได้หล่อหลอมงานศิลปเข้ามา adopt adaptหรือapply ในสามัญสำนึก “ศิลปะเพื่อชีวิต” แล้ว
อย่าให้เบียนนาเล่เชียงรายในช่วงรอยต่อปี 2023-2024 จางจายหายไปแบบคลื่นกระทบฝั่ง ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ขบวนการศึกษาในเชียงรายทุกองคาพยพต้องมีวิชั่นในเรื่องนี้ มองว่าเป็นงานรูทีนอย่างเดียวคงจบเห่ เสียดายโอกาส
ผมไม่รู้ว่าประเด็นเบียนนาเล่กับหน่วยงานการศึกษาในระดับประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมเจ้าภาพหลักประสานไปที่กระทรวงศึกษาธิการอย่างไร แต่ในระดับท้องถิ่น หน่วยที่น่าจะจุดไฟในนาครเพื่อการขับเคลื่อน “เบียนนาเล่สู่ห้องเรียน” ได้อย่างเป็นระบบรูปธรรมและเป็นฟังก์ชั่นได้ดีที่สุดก็คงต้องเริ่มต้นสตาร์ทที่ คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
พูดถึงเรื่อง Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ที่มีคีย์เวิล์ดสำคัญอยู่ที่คำว่า “เปิดโลก” (The Open World) แล้วก็อดที่จะแฮปปี้กับคนเชียงรายอีกเกียรติยศหนึ่ง ที่จะมองข้ามไม่ได้เลย คือการที่ องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ประกาศรับรองให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ City of Design
เชียงรายเป็น 1 ใน 55 เมืองจากทั่วโลกที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโก ผมไม่ใช่คนเชียงรายโดยกำเนิด แต่ก็ภาคภูมิใจในเกียรติยศนี้มากกับคนเชียงราย ถ้าเป็นวงการวิชาการการทำผลงานเพื่อเลื่อนระดับตำแหน่ง เขาก็เรียกว่าเป็นผลงานเชิงประจักษ์ เป็นปลายน้ำที่มี How to หรือทำอย่างไร?ชัดเจน มีบริบทหรือกระบวนการใดถึงชื่อชั้นเชียงรายจึงปรากฎเป็นเมืองสร้างสรรค์ในระดับโลกได้
“เชียงราย เป็นเมืองที่มีกระบวนการเข้าถึงวัฒนธรรม กระตุ้นพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ มีแนวปฏิบัติเชิงนวัตกรรมในการวางแผนพัฒนาเมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” นี่คือเหตุและผลโดยสังเขปของความเป็นเชียงรายที่เข้าตา UNESCO
วันนี้เวลานี้ ในขณะที่นักการเมือง นักวิชาการ ยังไม่ตกผลึกในนิยามของคำว่า soft power ผมไม่รู้ว่า จังหวัดเชียงรายมีบทสรุปอย่างไรสำหรับ soft power รวมถึงนโยบาย “1ครอบครัว 1ซอฟท์พาวเวอร์” แต่ความเป็นเจ้าภาพเบียนนาเล่ 2023 และ เมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO ก็น่าจะใช้ “ศิลปวัฒนธรรม” นี่แหละเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของเชียงราย
ขว้างหินถามทางไว้ห้วนๆแบบนี้แหละครับ…สวัสดีเชียงราย !