คอลัมน์ » คุยกับ… ดร.ปรีชา

คุยกับ… ดร.ปรีชา

22 ธันวาคม 2023
272   0

  1. การปรับตัวจากวัยแรงงานไปสู่วัยสูงอายุ

ประเด็นเรื่องการปรับตัวเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ที่ต้องการทราบว่าผู้สูงอายุมีวิธีการหรือแนวทางในการปรับตัวอย่างไร แต่เนื่องมาจากมีข้อจำกัดของการศึกษาที่ไม่สามารถเฝ้าสังเกตกระบวนการปรับตัวของผู้สูงอายุได้ จึงตั้งเป็นหัวข้อเพื่อซักถามผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถได้คอบตอบค่อนข้างหลากหลายตามวิธีการของผู้สูงอายุแต่ละคน ดังประเด็นหลักที่จำแนกได้ดังนี้

  1. การปรับตัวโดยการทำงาน
  2. การปรับตัวโดยอาศัยหลักศาสนาเข้าวัดฟังธรรมะ
  3. การปรับตัวโดยการยอมรับความจริงของสังขาร
  4. การปรับตัวทางด้านจิตใจ
  5. การปรับตัวโดยการทำงาน

ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุจะให้ความสำคัญ ของการปรับตัวโดยการทำงานมากที่สุด เหตุผลของการให้ความสำคัญต่อการทำงานก็เพราะผู้สูงอายุคิดว่าอาชีพการทำเกษตรกรรมนั้นเป็นอาชีพที่ไม่มีการเกษียณอายุ แม้การทำการเกษตรกรรมเป็นงานหนัก แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การหยุดทำไร่ ทำนา จึงไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนอายุ แต่ขึ้นอยู่กับสุขภาพความสมบูรณ์ของร่างกาย หากร่างกายยังคงแข็งแรงก็จะยังคงทำงานต่อไปได้ ดังนั้นในการศึกษาครั้งนี้จึงพบว่าผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีต้นๆ ยังคงทำนา ทำไร่ แต่ขณะเดียวกันจะปรากฏว่า มีผู้สูงอายุบางคนเลิกทำไร่ ทำนา ก่อนอายุ 60 ปี โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพ เนื่องอาชีพทำการเกษตรไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์แน่นอนในการทำงานในไร่นาแต่อย่างใด ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ กำลังแรงงานในครัวเรือน จำนวนพื้นที่การเพาะปลูก และดินฟ้าอากาศ ผลจากการศึกษาจึงพบว่าผู้สูงอายุมีเหตุผลที่ตนเองได้พยายามปรับตัวให้มีเสถียรภาพของการดำเนินชีวิตซึ่งทุกคนต่างยอมรับว่า “การเป็นผู้สูงอายุ” หรือ “การเป็นคนแก่” เป็นอุปสรรคต่อชีวิต ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ การปรับตัวจึงเปรียบเสมือนวิธีการ หรือกระบวนการที่ผู้สูงอายุจะเลือกปฏิบัติเพื่อทดแทนสิ่งที่สูญเสียไป คือ พละกำลังแรงงานที่เคยมีอยู่เปลี่ยนมาเป็นผู้มีสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมตามอายุขัย

ผู้สูงอายุได้ปรับตัวโดยวิธีการต่างๆ มีเหตุผลและรายละเอียดในการทำงานดังนี้ คือ พยายามทำงานเหมือนเดิมแต่ลดปริมาณงานลง หรือหางานทำเบาๆ ที่จะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ทำงานตามความสามารถไม่ฝืนสังขารหรือทำงานเท่าที่จะทำได้ งานดังกล่าวได้แก่ งานในบ้านเรือน การเลี้ยงหลาน ปลูกต้นไม้ ทำสวนครัว เป็นงานที่เหมือนการออกกำลังกาย การทำงานจะไม่หักโหมพอรู้ว่าเหนื่อยก็หยุดพัก ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเชื่อว่าการนั่งๆ นอนๆ จะทำให้เบื่อและเครียด ดังนั้นการทำงานเล็กๆ น้อยๆ เป็นวิธีการปรับตัว แต่ต้องเป็นงานเบาๆ ทำได้ตามกำลัง จะช่วยทำให้ชีวิตของการเป็นผู้สูงอายุดีขึ้นมีคุณค่า และยังสามารถทำประโยชน์ให้ครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง

  1. การปรับตัวโดยอาศัยหลักศาสนาเข้าวัดฟังธรรม

กลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มที่สอง กล่าวว่าวิธีการปรับตัวโดยการเข้าวัดฟังธรรมะเป็นแนวทางหนึ่งที่ได้ปฏิบัติเมื่อเริ่มเป็นผู้สูงอายุ โดยให้เหตุผลว่าพยายามไม่คิดอะไรมาก ถ้ากลุ้มใจก็เข้าวัดรับศีล การไปวัดฟังธรรมหรือไปสวดมนต์ไม่เพียงแต่จะทำให้จิตใจสบายขึ้น แต่ยังได้มีโอกาสทำงานวัดช่วยเหลือส่วนรวมนับเป็นการทำงานอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้พบปะเพื่อนฝูง ผู้ที่มีอายุรุ่นพี่และรุ่นน้อง การได้มีโอกาสทำบุญทำทานนับเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทำให้ไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เชื่อว่าการเข้าวัดเป็นวิธีการที่ดีและเหมาะสมกับวัย ความหมายของการเข้าวัดฟังธรรม จะหมายถึงกิจกรรมที่ทำประจำในวันพระ แต่บางคนจะไปวัดทุกวัน เพื่อสนทนาธรรมหรือเตรียมภัตตาหารสำหรับพระสงฆ์ สำหรับการตักบาตรนั้นผู้สูงอายุจะทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เช่นเดียวกับผู้สูงอายุที่ไปถือศีล 8 และนอนที่วัดในวันพระตลอดฤดูกาลเข้าพรรษา ผู้สูงอายุต่างมีความเชื่อว่าการยึดเอาศาสนาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ จะทำให้จิตใจสบายปลอดโปร่งยิ่งถ้าได้ทำสมาธิจะทำให้เกิดความสงบ ไม่วุ่นวายใจ ผู้สูงอายุบางคนที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง และไม่ได้ไปวัดเหมือนคนอื่นๆ จะสวดมนต์ ไหว้พระและอ่านหนังสือธรรมะที่บ้านตนเองโดยให้เหตุผลว่าอยู่บ้านก็มีศีลได้เหมือนกัน

การเข้าวัดฟังธรรม ถือศีล ตักบาตร สวดมนต์ ไหว้พระ เป็นกิจวัตรที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ถือเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติและแทบทุกคนจะให้ความสำคัญต่อศาสนา อันเป็นสถานบันทางสังคมที่ค่อนข้างเข้มแข็งในสังคมชนบท โดยเชื่อว่าการทำบุญจะส่งผลให้มีความสุขและเหมาะสมกับผู้สูงอายุ

  1. การปรับตัวโดยการยอมรับความจริงของสังขาร

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยอมรับว่าตนเองเริ่มมีสุขภาพร่างกายร่วงโรยตามกาลเวลา สิ่งที่สามารถทำได้ในขณะนี้ ก็คือ การดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บป่วย ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เพราะสังขารร่างกายของผู้สูงอายุทุกคนอ่อนแอ ไม่แข็งแรงเหมือนคนหนุ่มสาว ดังนั้นการทำงานจึงไม่ควรหักโหม ทำแต่น้อย แต่ต้องทำงานอย่างมีคุณภาพ ผู้สูงอายุแต่ละคนจะมีสุขภาพร่างกายแตกต่างกัน ใครมีแรงมากก็ทำมาก ใครมีแรงน้อยก็ทำน้อย ผู้สูงอายุส่วนมากจึงตอบตามความเป็นจริง ตามประสบการณ์ เช่น กล่าวว่าชีวิตปัจจุบันจะหาความสนุกสนานเหมือนตอนหนุ่มสาวไม่ได้ ปัจจุบันมีสภาพร่างกายอ่อนแอ ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ดังนั้นจึงเปรียบหน้าที่การงานจากงานทำนาทำไร่ หรือทำงานรับจ้าง ก่อสร้าง มาเป็นทำงานบ้านมากขึ้นพยายามไม่อยู่นิ่งเฉย ข้อคิดเห็นที่สำคัญที่ผู้สูงอายุได้ชี้ให้เห็นคือ ถ้าคิดว่าทำไม่ไหว หรือรู้ตัวเองว่าจะเจ็บป่วยหรือมีอันตรายจากการทำงานก็ควรหลีกเลี่ยง วิธีที่ดีที่สุดก็คือการประเมินความสามารถของตนเอง หรือต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงของร่างกาย แม้จิตใจจะดีหรือมีกำลังใจ แต่ถ้าร่างกายไม่สมบูรณ์ก็ไม่ควรฝืนสังขารต้องยอมรับความจริง ถ้าเกิดพลาดพลั้งจะเกิดความเสียหายและทำความเดือดร้อนแก่ลูกหลานถ้าหักโหมและทำงานเกินกำลังตนเอง

  1. การปรับตัวทางด้านจิตใจ

เป็นการปรับตัวโดยฝึกการควบคุมระบบความคิด ไม่ฟุ้งซ่าน พยายามปล่อยวางไม่ยึดว่า “ตนเองทำได้” “ปฏิบัติได้” การปรับตัวทางจิตใจไม่ใช่เฉพาะในการทำงานเท่านั้นที่ผู้สูงอายุเกิดความรู้สึกอึดอัดใจที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งความตั้งใจ “การทำใจ” ของผู้สูงอายุนั้นได้ขยายความ คือ พยายามลดความโกรธไม่โมโห ไม่ฟุ้งซ่าน และไม่โลภ พอใจในความเป็นอยู่ปัจจุบันเพราะทำงานไม่ได้ ต้องอาศัยลูกหลานคอยดูแล การทำตัวรุ่มร่ามจะไม่เหมาะเพราะเกรงใจลูกหลานที่เลี้ยงดู จึงต้องทำตัวให้เป็นที่เคารพ ไม่พูดมาก พยายามไม่ยุ่งกับใคร ไม่บ่น ไม่นินทาใคร ผู้สูงอายุเชื่อว่าการปรับตัวทางด้านจิตใจจะทำให้มีความสุข สิ่งไหนสมควรพูดหรือไม่ควรพูดต้องคิดก่อน การทำตัวเช่นนี้จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งกับใคร

สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถปรับตัวทางด้านจิตใจ ควบคุมตนเองไม่ได้จะตอบว่าไปวัดฟังธรรม หรือทำอะไรที่ไม่ให้คิดมาก และเชื่อว่าคนจะมีความสุข หรือความทุกข์อยู่ที่จิตใจ ถ้าจิตใจเข็มแข็งก็จะมีชีวิตที่ดี ผู้ที่มีความเครียดและปรับตัวไม่ได้ แต่ก็มีทางออกหลายอย่าง เช่น ไปพูดคุยกับเพื่อนบ้าน หรือเพื่อนรุ่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ได้พบว่ามีผู้สูงอายุอีกจำนวนหนึ่ง ที่ไม่ตอบว่ามีการปรับตัวอย่างไร แต่จะให้เหตุผลว่าไม่จำเป็นต้องปรับตัวอะไร อยู่ไปวันๆ หนึ่ง ก็สบายใจดีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรทุกข์ร้อนที่จะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่ตอบเช่นนี้มักจะไม่มีปัญหาในด้านความเป็นอยู่ เพราะต่างพอใจในสถานภาพ และบทบาทที่เป็นผู้สูงอายุ และบางคนก็ยังคงทำหน้าที่ทางสังคมเศรษฐกิจอย่างปกติ ไม่เห็นความแตกต่างว่า ขณะที่ตอบนั้นตนเองเป็นผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุบางคนให้เหตุผลว่าตนได้ทำงานน้อยลง พยายามไม่คิดอะไร ต้องยอมรับความจริง แต่ก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ สะกดใจ และยอมรับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติธรรมดา สิ่งใดทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นทำ การยอมรับสภาพตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญ จะไม่เป็นการสร้างปัญหาให้แก่ตัวเองและผู้อื่น



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า