คอลัมน์ » จับตาพลังครูเชียงรายกับการเมืองไทยหลังเลือกตั้ง 2566

จับตาพลังครูเชียงรายกับการเมืองไทยหลังเลือกตั้ง 2566

7 กุมภาพันธ์ 2023
191   0

ปักหมุดการศึกษา /กริช มากกุญชร

ปีเถาะปีกระต่ายจอมซนปีนี้ น่าจะเป็นปีที่การบ้านการเมืองไทยออกแอคชั่นคึกคักตามสารบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย ภายใต้เงื่อนไขการครบวาระหรือไม่ก็ยุบสภาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ประสาคอข่าวการเมืองการศึกษาก็อดที่จะคิดล่วงหน้าไม่ไดว่า แล้วทิศทางการศึกษาประเทศนี้จะเดินไปในแนวไหนต่อ ?

กระทรวงศึกษาธิการที่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองมักจะมองข้าม และจะจับจองเป็นกลุ่มก้อนกระทรวงในระดับท้ายๆ และนโยบายในแต่ละรัฐมนตรีก็มักจะแตกต่างกันไปทั้งวิสัยทัศน์ วิธีคิดและวิธีการ

ประเด็นสำคัญมันมาอยู่ที่ กระทรวงศึกษาธิการมักจะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยครั้ง ผู้บริหารการศึกษา ครูบาอาจารย์ก็เลยต้องวิ่งฝุ่นตลบบ้าจี้ไล่ตามนโยบายรัฐมนตรีกันแบบทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย

ปัญหาระดับมหภาคก็เลยตกมาอยู่ที่คุณภาพคนในบริบทของความเป็นชาติ ในยุคที่ว่า การสื่อสารครองโลก เทคโนโลยีครองจักรวาลประมาณนั้น

การบ้านการเมืองประเทศไทยที่ต้องมีรัฐบาลใหม่แน่ๆในปี 2566 ไหนๆก็ไหนๆก่อนที่จะไปถึงตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็ต้องมานั่งดูนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองในช่วงนี้ก่อนที่จะไปคึกคักในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ว่ามีนโยบายด้านการศึกษาอย่างไร?

ก็เป็นที่น่ายินดีที่หลายพรรคการเมืองเริ่มแพลมๆขายความคิดทางด้านนโยบายการศึกษาแบบเป็นออเดิร์ฟให้คนมีสิทธิเลือกตั้งได้พินิจพิจารณาประกอบการตัดสินใจ

ผมเห็นมีหลายพรรคแล้วล่ะที่ขายไอเดียด้านการศึกษาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่คงไม่นำมาวิพากษ์เพราะเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ดีหรือไม่ดี ความเห็นต่างมันแย๊ะ บางทีเด็ดดอกไม้มันอาจสะเทือนถึงดวงดาว หยิกเล็บเจ็บเนื้อก็มี

จะว่าไป แท้จริงแล้วพลังครู บุคลากรทางการศึกษาในประเทศเราก็มีไม่น้อยจำนวนหลายแสนคน ถ้ารวมตัวกันชูธงสนับสนุนพรรคการเมืองที่เข้าใจถึงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยให้สอดรับกับสถานการณ์ วิถีชีวิต สังคมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่าสิ้นเชิง ก็น่าจะได้พันธสัญญาที่ชัดเจนจากพรรคการเมืองนั้นๆ ไปสู่การปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาการศึกษาไทยอย่างแท้จริง

จะใช้วิธีการสื่อสารผ่านองค์กรครู ผู้แทนครู หรือจะมีพรรคการเมืองแบบพรรคครูพรรคหนึ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในปัจจุบันก็ได้ เพราะครูก็เป็นข้าราชการ ออกตัวแรง บังอาจหาญกล้าเอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมว ผู้บังคับบัญชาก็อาจจะหงุดหงิด นักการเมืองที่ดึงครูไปเป็นพวกได้ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะจำนวนครูทั้งประเทศมีน้อยซะเมื่อไหร่

เฮลงตรงไหนก็กระเพื่อมตรงนั้น…!

มันมาเสียก็ตรงที่หากเอาธงพัฒนาการศึกษามาโฟกัส เอกภาพครูยังเสียงดังไม่มากพอ ยิ่งไปติดกับดักผู้บริหารการศึกษาระดับหนึ่งๆ ที่มีอำนาจ บ้าอำนาจและมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนอยู่ในมือ  โอกาสที่องคาพยพครูจะขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาเพื่อการศึกษาไทยส่วนใหญ่การเคลื่อนไหวจึงเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา มีข้าราชการการศึกษาระดับบิ๊กๆในระดับหนึ่งไม่กี่คนคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง !

ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของคนไทยในทุกหัวโขน ตามกรอบของกฎหมาย เพียงแต่เสียดายพลังครู บุคลากรทางการศึกษา ที่น่าจะเป็นสายตรงในการพัฒนาการศึกษา โดยมองข้ามระบบรูทีน เปลี่ยนวิธีการไปทางสภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการการศึกษา หรือคณะรัฐมนตรี บ้าง

ที่ผ่านมา ก็มีนักบริหารการศึกษาที่มากบารมีเข้าไปสวมบทบาทผู้แทนที่มาจากสายครูบ้าง ผู้บริหารบ้าง ผู้ทรงคุณวุฒิบ้าง แต่พอได้สวมเสื้อสีสายนักการเมือง ก็ลืมกำพืดรากเหง้าซะงั้น

ปล่อยให้ทิศทางการพัฒนาการศึกษาสะเปะสะปะ มุ่งแต่โครงสร้างและพัฒนาบุคลากรมากกว่าการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การวิจัยทางการศึกษา ฯลฯ

อย่างนี้ก็เดาได้เลยว่า การศึกษาไทยก็ยังคงซอยเท้าย่ำอยู่ที่เดิม เกาไม่ถูกที่คันไปอีกนาน

พูดเรื่องนี้ในพื้นที่เชียงรายก็เพราะ จังหวัดเชียงราย ก็มีพลังครูไม่ใช่น้อย สหพันธ์ครู สมาพันธ์ครู ทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัด จากทุกหน่วยงานการศึกษา ไหนๆก็จะเข้าสู่โหมดมิติทางการเมืองโดยการเลือกตั้งทั่วไปกันแล้ว ก็น่าจะแสดงพลังขับเคลื่อน ชูธงความคิดความต้องการพัฒนาการศึกษาให้พรรคการเมือง และนักการเมืองระดับท้องถิ่นได้สำเหนียกและเห็นความสำคัญของพลังครูเชียงรายบ้าง……

ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เชียงราย ท่านใดที่ว่า จะลงสมัครรับการเลือกตั้งแน่ๆ ช่วยคลี่นโยบายทางด้านการศึกษาของพรรคให้ครูเชียงรายได้ดูได้ศึกษาวิชั่นด้วย….

ประเทศชาติโหมดการศึกษาที่ผิดหวังจากคำสั่งคสช. จะขอฝากผีฝากไข้กับนักการเมืองเชียงรายที่มีคุณภาพก็ยามนี้แหละครับท่าน…!