เมื่อครั้งก่อน เราพูดถึงความรู้ในการวางความเห็นถูกในเรื่องการเห็นถึงการเวียนว่ายตายเกิดใน 31 ภพภูมิของวัฏสงสารว่าล้วนเป็นทุกข์กันไปแล้ว ก่อนจะพูดถึงมรรค คือหนทางเดินในอริยมรรคนั้น เราจะมาดูตัวพาเกิด แล้วต้องมาจมอยู่ในกองทุกข์ ต้องเวียนตายเวียนเกิดเพราะกระแสกรรมที่หลงทำจนหาทางออกไม่พบกันก่อน
ตัวพาเกิดในวัฏสงสาร ท่านเรียกว่าจิต ตัวนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันให้วุ่นไปหมดในกลุ่มธรรมะ เราจะยังไม่ไปเถียงกับใคร เอาเข้าใจกันง่ายๆ ว่าจิตคือการทำงานของวิญญาณธาตุ นี่ก็เถียงกันยังไม่จบอีกเหมือนกัน ดังนั้น เราจะมาแยกธาตุสองตัวนี้ให้ออกก่อนว่าตัวหนึ่งคือต้นธาตุ อีกตัวหนึ่งคือการทำงาน ตัวต้นธาตุคือวิญญาณธาตุ เป็นธาตุอิสระที่มีอยู่โดยธรรมชาติ ตัวมันเองมีชื่อเรียกหลายชื่อนะ เช่นวิญญาณธาตุ มโนธาตุและจิต ตัวนี้แยกออกมาจากจิตที่พาเวียนเกิดในวัฏสงสารนะคะ นี่ มีสองตัวนะคะ ดังนั้น เพื่อจะพาไปสู่การรู้จักมันแบบชาวบ้านๆอย่างเรา เราจะเรียกมันเป็นอันเดียวกันก่อนว่า จิต อันหนึ่งท่านเรียกว่าเป็นสังขตธาตุ อีกอันหนึ่งเป็นอสังขตธาตุ
สังขตคือสิ่งที่ปรุงแต่งมาแล้ว ส่วนอสังขตคือธาตุบริสุทธิ์ที่อะไรก็เข้าไปปรุงแต่งไม่ได้อีก เป็นธาตุบริสุทธิ์ ไม่มีการเกิด ไม่มีการเปลี่ยนแปรไปเป็นอย่างอื่นอีก อยู่เป็นอิสระเหมือนพระอาทิตย์ พระจันทร์ มีความเป็นเอกเทศอยู่อย่างนั้น และสังขตทั้งหลายไม่อาจเข้าไปจับต้องได้อีก จึงเรียกว่านิพพาน
สองสิ่งนี้มีอยู่ สิ่งหนึ่งอยู่ในวงจรของวัฏสงสาร คืออยู่ในแรงดึงดูดของวัฏสงสาร จึงต้องท่องไป คือเวียนว่ายไปในวงจรของวัฏสงสารต้องเปลี่ยนชาติคือการเกิด เปลี่ยนภพ คือสภาวะที่เป็น คือมีสภาวะเป็นอะไรก็ไปเกิดเป็นอันนั้นตามสิ่งที่จิตจะพาไปเกิด ในภูมิของมนุษย์ เทวดา พรหม หรือ นรก เปรต อสุรกาย ล้วนเวียนไปตามสิ่งที่จิตยึดไว้และสร้างให้ อีกสิ่งหนึ่งแม้ไม่ไปไหนแต่ไม่อยู่ภายใต้แรงดึงดูดของวัฏสงสาร เป็นสิ่งที่สลัดสังขตธาตุคือธาตุปรุงแต่งของวัฏฏะออกได้แล้ว จึงคงที่และไม่เคลื่อนอีกต่อไป แต่ไม่สามารถจับต้อง และมองเห็นเพราะพ้นวิสัยที่คนเราจะมองเห็นไปได้
ทีนี้ กลับมาที่ สังขตธาตุ เราได้บอกไปแล้วว่าเป็นสิ่งปรุงแต่ง ปรุงแต่งจากอะไร ท่านกล่าวว่ามีธาตุอยู่ 6 ธาตุ ปรุงกันอยู่จนเกิดเป็นตัวตนขึ้นมา ท่านเรียกว่า ขันธ์ 5 ปรุงกันขึ้นมา แล้วสมมุติว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคลขึ้นมา แล้วมีตัววิญญาณธาตุเข้าไปยึดว่าเป็นตัวของตน สิ่งที่วิญาณธาตุเข้าไปยึดก็คือสิ่งที่ปรุงมาจากธาตุ 4 คือดิน น้ำ ไฟ ลม เมื่อถูกวิญญาณธาตุเข้ายึดจึงมีอากาศธาตุเข้าผสม เกิดเป็นอุปาทานขันธ์ 5 เดินเข้าสู่วงจรปฏิจสมุปบาท เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายขึ้นของการเกิดการปรุงแต่งของธาตุปฐมภูมิ คงยากจะนึกไปถึงในกรอบสั้นไปอย่างนี้ เอาเป็นว่าเราไปดูที่จุดเริ่มเกิดของซุนหงอคงในซีรี่ส์จีน เรื่องไซอิ๋ว ซุนหงอคงเป็นลิงมีฤทธิ์มาก เกิดมาจากหินก้อนหนึ่งที่ผ่านการบ่มเพาะของสรรพสิ่งในโลกเป็นกาลเวลาช้านาน คือนานมากจนนับเวลาไม่ได้ แล้วในที่สุดก็กลายเป็นลิงขึ้นมา ขันธ์ 5 ที่วิญญาณธาตุเข้าไปยึดก็โดยหลักการเดียวกัน เมื่อยึดแล้วก็เกิดอุปทานเป็นตัวของตัวขึ้นมา มีจิตที่ซุกซนเหมือนลิงเข้ามาเป็นตัวรับช่วงเข้าเป็นนั่นเป็นนี่ แล้วก่อกรรม จนเกิดเป็นวงจรปฏิจจสมุปบาทขึ้นมา เพราะสังขตคือการปรุงแต่ง จึงเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็ดับลง สภาพการเกิดขึ้นแล้วก็ดับลงนี้ท่านเรียกว่ามันเกิดภาวะบีบคั้น สิ่งใดถูกบีบคั้น สิ่งนั้นเป็นทุกข์ จิตที่ซุกซน เมื่อถูกสภาวะทุกข์เข้าบีบคั้นจึงดิ้นรนอยากหนีออกจากสภาวะนี้ ล้วนก่อกรรม นำสู่การเวียนว่ายชดใช้กรรม สังสารวัฏ เริ่มจากตรงนี้เอง
สังสารวัฏ คือวัฏที่น่าสงสารอันยาวนาน วนเวียนอยู่ภายในวัฏฏะทุกข์อย่างไม่รู้สิ้นจนกว่าจะสลัดหลุดจากอาสวะ คือกิเลสที่สะสมหมักดองเอาไว้แต่ละชาติๆ ที่เกิดมาใช้กรรมที่เคยสร้างทำไว้ ขณะเดียวกันก็สร้างกรรมใหม่เพิ่มเข้ามา ทับถมลงไปอีก เป็นอยู่อย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกว่า ไตรลักษณ์ คือ ล้วนไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงจึงเป็นทุกข์ ที่เป็นทุกข์เพราะไม่สามารถยึดถือเป็นตัวตนได้เพราะมีสภาพเป็นอนัตตานั่นเอง การมองเห็นโดยสภาพของความเป็นทุกข์อย่างนี้ เรียกว่า การเห็นทุกข์ในอริยสัจ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ด้วการเห็น อริยสัจ แล้วทรงสอนทางออกจากทุกข์ด้วยอริยมรรคหรือมรรคมีองค์ 8 นั่นเอง แล้วเราจะมาพูดถึงกันในตอนต่อไป