สวัสดีปีใหม่ 2566 (2023)ขอให้ผู้ประกอบกรรมดีทั้งปวง…จงพบแต่ความสุขความเจริญสืบไป…ใครคิดดี… ทำดี… ต้องได้ดีวันยังค่ำ ….เมื่อช่วงกลางเดือน ธ.ค.’65 ก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา ประเทศไทยเรามีเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนอารมณ์ให้แก่คนไทยอยู่ 2 เรื่องใหญ่ๆ
(1.) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวรหมดพระสติด้วยอาการทางพระหทัยและทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พุทธศักราช 2565 ความทราบทั่วกันแล้วนั้น… ‘เชียงรายนิวส์’ …ขอเชิญพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ตั้งจิตภาวนาและอธิษฐานจิตถวาย ช่วยบันดาลให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน…โดยทั่วกัน
(2.) เหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย อับปางเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.เวลา 23.30 น. ด้วยพายุคลื่นลมแรงกลางทะเลอ่าวไทย บริเวณพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีกำลังพลสูญหาย ที่ สามารถช่วยได้ 76 ราย อยู่ระหว่างการค้นหา 17 ราย เสียชีวิต 12 ราย จากทั้งหมด 105 ราย (ข้อมูล 25 ธ.ค.’66 ข่าวเช้าไทยรัฐทีวี เสาร์-อาทิตย์) ส่วนความคืบหน้าเป็นอย่างไร ก็ตามข่าวที่ทราบกันแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่นำความเศร้าสลดมาสู่คนไทยก่อนสิ้นปี… ขอแสดงความเสียใจกับญาติมิตรและเพื่อนๆของทหารเรือผู้กล้าดังกล่าวรวมทั้งผู้บังคับบัญชาด้วย…. ขอให้เป็น”บทเรียน” ที่ต้องเรียนรู้กับเรื่อง Oceanography และ Meteorology เป็นสำคัญในเรื่องต่าง ๆ ของสมุทรศาสตร์ -อุตุนิยมวิทยา ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย…
ปีใหม่นี้…เรื่องเก่าๆ ก็ยังตามมา โดยเฉพาะเรื่อง “การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม” หลายๆ กรณี ก็ยังคงตามหลอกหลอนข้ามปีกันเลยทีเดียว ที่ผ่านมาไม่ว่าเรื่องใดๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาก็ขอให้เรานำมาทบทวนประเมินในสิ่งที่ผิดพลาดและต้องมีการ “ถอดบทเรียน” เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นต่อไป โดยเฉพาะผู้นำองค์กร การ “เปลี่ยนวิธีคิดใหม่” จึงเป็นสิ่งสำคัญ การคิดและเชื่อแบบเดิมๆ ที่ผ่านมา…ผลงานที่ออกมาก็จะเหมือนๆ เดิม… ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ลองคิดใหม่ สร้างสรรค์และทำสิ่งใหม่ ๆ แล้วจะพบสิ่งประหลาดในวิถีชีวิตที่คาดไม่ถึงจริงๆ….
เราอาจจะพบหนทางสายใหม่ในการดำรงชีวิต …และพยายามให้มีวิธีคิดให้เป็นวิทยาศาสตร์ (ความเป็นเหตุ เป็นผล พิสูจน์ได้) ส่วนไสยศาสตร์ก็ฟังไว้…แล้วใคร่ครวญอย่าเพิ่ง
ปลงใจเชื่อเลยทีเดียว…หลัก “กาลามาสูตร 10 ประการ” คำสอนของพระศาสดายังเป็นอมตะและร่วมสมัยเสมอ
ปีใหม่นี้…แม้เชียงรายยังคงมีกิจกรรมเดิมๆ… แต่ผสมผสานแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ น่าติดตามชมไม่น้อย เพื่อต้อนรับฤดูหนาวและส่งเสริมการท่องเที่ยว อีกทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนอยู่หลายอำเภอ ทั้งเขตอำเภอเมือง แม่จัน แม่สาย เชียงของ ฯลฯ “งานเชียงรายดอกไม้งาม” ครั้งที่ 19 ของเทศบาลนครเชียงราย ที่สวนโคมและตุง เริ่มแล้วเมื่อ 29 ธ.ค. ’65 มีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย ส่วน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย” 2022 ของ อบจ.เชียงราย ก็เริ่มมาตั้งแต่ 24 ธ.ค.’65 – 8 ม.ค.’66 นี้ ที่เดิม ณ สวนไม้งามริมน้ำกก อ.เมือง จ.เชียงราย ปีนี้ทั้ง 2 แห่ง แข่งขันกันด้านสร้างสรรค์และแปลกใหม่ต่างก็ทุ่มกันอย่างสุดตัว ‘แบบเต็มคาราเบล’ กันเลยทีเดียว..แต่ละปีมีสิ่งใหม่ๆ มาอวดกันเสมอ… รีบไปชมกันเลย..ที่ไหนมีการแข่งขัน…ที่นั่นย่อมมีการพัฒนาเสมอ..
มีงานที่น่าสนใจอีกแห่งในวันที่ 14 ม.ค.’66 นี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. ที่ รร.เฮอริเทจฯ เชียงราย (ลิตเติ้ลดั๊กเดิม) คืองานฉลอง “ครบรอบ 35 ปี เชียงรายนิวส์” ที่มี โชติศิริ ดารายน เป็น บก.ในงานมีการ “มอบโล่รางวัลแก่บุคคลดีเด่น” ที่ผ่านการพิจารณาของนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ 10 คน จาก 3 มหาวิทยาลัยในเชียงราย ประกอบด้วย ม.ราชภัฏชร.– มฟล.- ม.เทคโนฯราชมงคลฯชร. และกรรมการสมาคมสื่อฯเชียงราย 1 คน ซึ่งมีมติร่วมกันในสาขาต่างๆ 9 สาขา จำนวน 9 คน ใครเป็นใครคงเคยคุ้นชื่อและประจักษ์ในผลงานกันแล้ว ได้แก่ (1.) ศ.(พิเศษ) ดร.วันชัย ศิริชนะ(สาขาการพัฒนาการศึกษา) (2.) นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร (บริหารจัดการ) (3.) นายนคร พงษ์น้อย (ศิลปวัฒนธรรม) (4.) นพ.ไชยเวช ธนไพศาล (การแพทย์และสาธารณสุข) (5.) นางเตือนใจ ดีเทศน์ (พัฒนาสังคมและทุนมนุษย์) (6.) นางบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ (ศิลปะการแสดง) (7.) นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว (ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (8.) ดร.อนงค์ศรี สิทธิอาสา (สตรีเพื่อสังคม) และ (9.) นายสุวิทย์ ใจป้อม (สาขาศิลปกรรม) นอกจากนี้ยังมี การ “ประกวดนางสาวเชียงราย” ปี’66 และการแสดงต่าง ๆ บนเวที พร้อมการ ถ่ายทอดสดทางสื่อออนไลน์ ของ นสพ.เชียงรายนิวส์ ด้วย…ผู้สนใจเชิญติดตามชมได้ 20.15 น.เป็นต้นไป
หันมาเรื่องการเมืองไทยของบ้านเราบ้าง… การลาออก การเปลี่ยนขั้ว ย้ายข้าง ห่างพรรคเดิม ของบรรดา ส.ส.หน้าเก่า หน้าใหม่ เป็นไปชนิดฝุ่นตลบและจะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมในขณะนี้ ส.ส.บางคน บางพรรค ที่เคยบอกว่า ”มีอุดมการณ์กับพรรคนี้พรรคนั้น ” ในการอุทิศตนทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนที่ผ่านมา ก็เป็นเพียง ละออง ไอ จาม ที่พ่นหลุดออกมาจากปากแล้วจางหายไป…เท่านั้นเอง จากที่บอกว่ามีอุดมการณ์นั้น… มาวันนี้ก็เปลี่ยนไปแบบไม่มีอะไรทั้งนั้น …มีแต่อุดม..!? อย่างอื่นไปเสียฉิบ เพราะ เวลาเปลี่ยน… สถานการณ์เปลี่ยน… จำเป็นต้องวิ่งเข้าหา “ ขั้วอำนาจใหม่ ” เข้าทำนองที่ว่าเมื่อ “พ.ศ.เปลี่ยน.. คนก็เปลี่ยนไป” เพื่อตนเองอยู่รอด…และมีอำนาจต่อไป แล้วก็มาบอกว่าเพื่อพัฒนาชาติและประชาชนให้อยู่ดีกินดี…ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของนักการเมืองบางคน บางพรรคในการหาเสียงทุกยุคสมัย…เราต้องจำชื่อคนเหล่านี้ไว้ เอาไว้สังหารด้วยปากกา….ในคูหาวันเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในครั้งหน้า…(หากมีจริง)
ชัดเจนที่สุด…หลังจากเป็นข่าวมานาน ก่อนนี้ก็เคยมาตรวจราชการ และเยี่ยมประชาชนที่เชียงรายหลายครั้งหลายอำเภอ แบบมีนัยสำคัญก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา..และเมื่อ 23 ธ.ค.’66 บิ๊กตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ได้ตกลงใจเป็น”ตัวเลือกนายกฯ” ของ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’(รทสท.) แล้ว ในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้…หลังจากอึมครึมมานาน ต่อไปการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองของไทยจะดุเดือด เข้มข้น มากยิ่งขึ้นกว่าที่คิดซะแล้ว…เพราะแค่ประกาศวันแรก ก็มี อดีตกกต.คนดัง และ พรรคฝ่ายค้าน ทั้งนักร้อง (เรียน) อื่น ๆ เริ่มเปิดฉากขยับตัวออกมาแซะและเหน็บแนมกันแล้ว…เกมการเมืองครั้งนี้คงสนุกตื่นเต้น..ชวนติดตามยิ่ง ในการที่จะกลับมาเป็นตัวเลือกนายกฯต่ออีกสมัยของนายกฯ บิ๊กตู่ ฯ…มาถึงวันนี้มีอะไรเปลี่ยนไปแล้วหลายอย่างจริงๆ
ปลายเดือน ม.ค.นี้ การขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 ของฝ่ายค้านนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หน.พรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน บอกว่าได้ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงคะแนนเสียงครั้งสุดท้าย เพื่อชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ก่อนหมดวาระ 4 ปี คาดว่าจะได้อภิปรายในห้วงสัปดาห์ที่ 3-4 ม.ค.’66 นี้…หากไม่มีการยุบสภาหนีการอภิปรายเสียก่อน .!!?? ต้องรอฟังการถล่มของฝ่ายค้านด้วยวาทะคารมและหลักฐาน..กันต่อไป… เพื่อหวังผลเลือกตั้งกันครั้งหน้า…ชัวร์..!!
ปีเก่าที่ผ่านมาเรามีทั้งข่าวเศร้าและข่าวดีๆ มากมาย รวมทั้งข่าวสังคม อาชญากรรม คอรัปชั่น ในหลายวงการ ทั้งข่าว จีนเทา -จีนขาว ชาวไทย – ต่างด้าว ที่ฉาวโฉ่เป็นข่าวระดับโลกก็มี แต่สิ่งสำคัญคือ การใช้กฏหมายของไทยว่า ยึดหลักการ “นิติรัฐ – นิติธรรม” ซึ่งเป็น “ หลักการสำคัญ” ของกฎหมายในระดับสากล หากใช้หลักข้างใดข้างหนึ่งมากไป ไม่เกิดความสมดุลแล้ว..ก็จะมีผลต่อความเชื่อมั่น เชื่อถือ ต่อการค้า การลงทุน จากต่างประเทศด้วย…ผู้มีอำนาจทั้งหลายจึงต้องยึดถือไว้ ‘ต้องปรับความคิดใหม่’หลังจากมีคนคลางแคลงใจมานานหลายกรณี… เพื่อให้มั่นใจได้ว่า… กฎหมายของเราจะนำไปสู่ความผาสุกและความยุติธรรมอย่างแท้จริง…ต่อสายตาชาวโลกด้วย
