
เสียงจาก…นายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอเวียงชัย กับการนำพาชาวอำเภอเวียงชัยเข้าร่วมโครงการ “นายอำเภอชวนชาวบ้านงดเหล้า บุหรี่ อบายมุข” เข้าพรรษามหามงคลสร้างสุขให้สังคม ตนเอง และครอบครัว ตามโครงการบูรณาการรณรงค์งดเหล้า บุหรี่ เข้าพรรษาถึงออกพรรษา และลดความเสี่ยงจากโควิด ปี 2565
โดยโครงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2565 เป็นปีที่ 20 ของการณรงค์ เริ่มตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ใช้โอกาสรณรงค์ในงานเทศกาลที่ประชาชนชาวพุทธได้ลด ละ เลิกเหล้าและอบายมุขระหว่างพรรษาของศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นการใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดและตรงกับคำนิยมของสังคมไทย และต่อมาได้ถูกกำหนดให้ทุกวันเข้าพรรษาเป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญที่จะให้หน่วยงานราชการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน ใช้โอกาสนี้เชิญชวนลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอบายมุขต่างๆ และเป็นโอกาสที่จะลด ละ เลิกไปตลอดโดยถือโอกาสเอาช่วงเข้าพรรษาเป็นจุดเริ่มต้น โดยปีนี้ะยะเวลาเข้าพรรษาระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2565 ถึง 10 ตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นการรณรงค์ในภาวะเริ่มผ่อนคลายจากการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แตกต่างจากการรณรงค์ในระหว่างปี 2563-2564 ที่อยู่ในภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยทั้งสองครั้งที่ผ่านมาการดำเนินการในกิจกรรมทำได้จำกัด แต่ในครั้งนี้จะมีกิจกรรมในพื้นที่ที่สามารถดำเนินการใกล้เคียงกับสถานการณ์ในอดีตอีกทั้ง ในสภาวะที่สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี มีคนตกงาน ครอบครัวมีรายได้น้อยลง มีหนี้สินมากขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้เกิดภาวะความเครียดมากขึ้น ดังนั้น ในภาวะนี้พลังของครอบครัวที่จะต้องให้กำลังใจกันและกันและต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สามารถสู้วิกฤตในภาวะนี้
ซึ่งจากผลสำรวจของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) หลังจากเทศกาลเข้าพรรษาปี 2564 ที่ผ่านมา โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากตัวอย่างประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่ได้จากการสุ่มใน 12 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาค ในระหว่างวันที่ 14 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2564 รวมจำนวน 3,916 ตัวอย่างพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 70. 7 หรือประมาณการ 38,398,689 คน พบเห็น/รับรู้ถึงสื่อประชาสัมพันธ์ “งดเหล้าเข้าพรรษาปี 2564” ส่วนใหญ่รับรู้จากโฆษณาทางโทรทัศน์ รองลงมาคือ โซเชียลมีเดียเฉพาะกลุ่มที่พบเห็น รับรู้สื่อทางโทรทัศน์ พบว่าร้อยละ 80.3 เคยเห็นโฆษณาชุด “สื่อรักให้พักเหล้า” โดย ร้อยละ 89.2 เห็นว่าสื่อมีผลต่อการสร้างความตระหนักในการลด ละ เลิกการดื่มได้ในระดับ ต่างๆ ทั้งนี้ พบร้อยละ 43.9 เคยบอกต่อหรือแชร์ข้อความบน Social Network เพื่อชักชวนคนรอบข้างให้งดเหล้าเข้าพรรษา แต่ที่น่าพิจารณาคือ พบเพียงร้อยละ 7.7 ที่ได้ร่วมลงนาม/ ปฏิญาณตนงดเหล้า ลดลงร้อยละ 2.6 จึงเป็นที่มาของกิจกรรมดังกล่าว


