ผลจากการรวบรวมคำอธิบาย ความคิดเห็น ความแตกต่างระหว่างคนหนุ่มสาวกับผู้สูงอายุ สามารถสรุปข้อแตกต่างได้ 4 ประเด็นหลัก คือ
- สภาพร่างกาย
- สภาพจิตใจ
- พละกำลัง
- อายุขัย
รายละเอียดและเหตุผล ผู้ตอบได้กล่าวชัดเจนว่าเกณฑ์หลักสี่สำคัญ คือ สุขภาพ และจำนวนอายุ ในเรื่องสุขภาพนั้นจะประกอบด้วยสภาพความสมบูรณ์ของร่างกาย สภาพจิตใจและพละกำลัง สภาพร่างกายคือสังขาร คนหนุ่มจะลุกจะนั่งคล่องแคล่วว่องไว ส่วนผู้สูงอายุ จะทำได้ลำบาก คนหนุ่มสาวมีหูตาดี มีเรี่ยวแรงมากว่าผู้สูงอายุ ทีทำได้บางก็เหน็ดเหนื่อยง่าย สำหรับคนหนุ่มสาวมีหูตาดี มีเรี่ยวแรงมากกว่าผู้สูงอายุ ทีทำได้บ้างก็เหน็ดเหนื่อยง่าย สำหรับคนหนุ่มสาวมีสติปัญญา ความคิดความอ่านรวดเร็ว ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้สูงอายุงุ่มง่าม คิดช้าไม่ค่อยทำงาน ทำให้ผู้สูงอายุมีจิตใจที่ไม่เบิกบาน พวกคนหนุ่มสาว จะมีจิตใจ ร่าเริง แจ่มใส สดชื่น และมีความหวังไม่ท้อแท้ ไม่หมดกำลังใจเหมือนผู้สูงอายุ ซึ่งเปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง
ส่วนสุขภาพ พละกำลังนั้น คนหนุ่มสาวจะมีสุขภาพที่ดีแข็งแรง ทำงานหนักไม่ได้เหนื่อยง่าย โรคภัยไม่ค่อยเบียดเบียน ส่วนผู้สูงอายุเป็นวัยที่ชราภาพ สุขภาพอ่อนแอไปไหนมาไหนไม่ได้ มีสภาพเหมือนถูกคุมขังได้แต่นั่งนอนอยู่ในบ้าน คนหนุ่มสาวยังมีโอกาสไปคบค้าสมาคมกับคนทั่วไปได้ทำงานก็ได้มากกว่า มีความคิดทันสมัย ส่วนคนแก่เปรียบเสมือนคนโบราณขี้บ่น ไม่ค่อยมีเหตุผล นอนจากนี้คนหนุ่มสาวยังไม่ค่อยกังวลใจในชีวิต มุ่งทำงานเลี้ยงชีวิต มีความสุขในการทำงาน ส่วนคนแก่จะคิดมาก บางคนนอนไม่หลับ สิ่งที่ชดเชยได้คือการทำงานในบ้านเล็กๆ น้อยๆ รดน้ำต้นไม้ เลี้ยงหลาน บางคนก็ไม่ทำอะไรไม่ได้เลย เรี่ยวแรง ความสามารถหมดสิ้นไป ต้องให้คนอื่นช่วยเหลือตลอดเวลา สำหรับคนแก่ที่มีโรคประจำตัวยิ่งเป็นปัญหามาก เพราะจะต้องให้คนอื่นดูแล และต้องรักษาตัวเองตลอดเวลา ทำให้เป็นภาระแก่ลูกหลาน
- ความหมายของคำว่า “ผู้สูงอายุคือร่มโพธิ์ร่มไทร” เพื่อจะทราบความคิดความเข้าใจต่อคำพังเพย “ร่มโพธิ์ร่มไทร” ที่มักจะใช้เปรียบเปรยกับผู้สูงอายุ บุพการี จึงได้สอบถามผู้สูงอายุว่ามีความเข้าใจความหมายนี้อย่างไร ผลจากการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุทั้งหมดเคยได้ยินข้อความนี้มาก่อน สามารถให้คำอธิบายได้ค่อนข้างหลากหลาย ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ความหมายของคำว่า “ผู้สูงอายุคือร่มโพธิ์ร่มไทร”
- เป็นที่ยึดเหนื่อยให้ลูกหลานได้พึ่งพิง
- เป็นที่ปกป้องรักษาคุ้มครองให้ลูกหลานเป็นสุข
- เป็นที่พึ่งทางใจ ให้ความอบอุ่น ให้ความร่มเย็น
- เป็นที่เคารพนับถือบูชาแก่ลูกหลาน
- เป็นคำที่ใช้กับผู้สูงอายุที่เป็นคนดีมีคนนับถือ
- เป็นคำที่ใช้เปรียบเทียบกับผู้สูงอายุทีอบรมเลี้ยงดูลูกหลาน
- เป็นคำเปรียบเทียบเสมือนเป็น “พระ” ของลูกหลาน
- เป็นคำเปรียบเทียบกับผู้สูงอายุที่เป็นที่พึ่งของลูกหลาน
- เป็นคำเปรียบเสมือนต้นไม้ที่มีร่มเงา เป็นปูชนียบุคคล
เพื่อพิจารณาภาพรวมของแนวคิดของผู้สูงอายุต่อคำว่า “ร่มโพธิ์ ร่มไทร” อาจตั้งข้อสังเกตได้ว่าผู้สูงอายุมีทัศนะที่ดีต่อคำๆ นี้ และสามารถอธิบายให้เห็นถึงความหมายอย่างมีเหตุผล ซึ่งคำตอบทั้งหมดมีทัศนะในทางบวกอันแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจต่อสถานภาพและบทบาทของผู้สูงอายุที่ได้พยายามให้ความรู้ และเคยกล่าวคำนี้ให้เห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ และถือว่าเป็นหน้าที่ในการถ่ายทอดคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมให้คนรุ่นหลัง ดังตัวอย่างที่ผู้สูงอายุรายหนึ่งได้กล่าวได้กล่าวไว้คือ “ผู้สูงอายุเปรียบเสมือนปูชนียบุคคลเป็นผู้สร้างลูก สร้างหลานขึ้นมาเป็นบรรพบุรุษของคนรุ่นปัจจุบัน ใครจะยึดถือหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนรุ่นปัจจุบันควรจะต้องทราบ ลูกหลานอาจจะไม่รู้สึกในขณะนี้แต่เมื่อผู้สูงอายุตายไปอาจจะนึกถึง”
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังคงยืนยันว่าปัจจุบันนี้กู้ยังมีคนใช้คำเปรียบเปรยนี้อยู่ นับเป็นสิ่งที่ดีต่อ และควรยึดถือต่อไป ความหมายที่สำคัญที่เปรียบเสมือนต้นไม้ก็เพราะต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะต้นโพธิ์จะมีกิ่งก้านสาขาที่แข็งแรง เช่นเดียวกับต้นไทร ที่มีใบดกหนา ให้ความร่มรื่นและร่มเงาผู้สูงอายุบางคนให้คำอธิบายมากไปกว่านี้ว่า ต้นโพธิ์หมายถึง “พ่อ” และต้นไทรหมายถึง “แม่” ทั้งพ่อและแม่จะให้ความผาสุกร่มเย็นแก่ลูกๆ สิ่งที่เป็นหลักฐานว่าผู้สูงอายุเปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรจะเห็นได้จากการที่ลูกหลานไม่ทอดทิ้ง ยังคงให้ความเคารพยกย่อง แต่การที่จะให้ลูกหลานยกย่องเคารพนับถือมิใช่ว่าจะเป็นเพียงแต่พ่อและแม่ แต่จะต้องปฏิบัติตนให้เป็นที่เคารพด้วย ถ้าทำตัวไม่ดีลูกหลานก็อาจไม่มองเห็นเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรไม่เคารพนับถือ ผู้สูงอายุยังยืนยันว่าคำกล่าวเช่นนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย แต่จะให้ทุกคนคิดอย่างเดียวกันหรือเชื่ออย่างเดียวกันไม่ได้เพราะสังคมเปลี่ยนแปลงไป ในอดีตเชื่อคนจะยึดถือคำนี้ แต่ปัจจุบันจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความเข้าใจของแต่ละบุคคล ดังนั้นคำเปรียบเปรยนี้อาจค่อยๆเสื่อมลงไปก็ได้
ผู้สูงอายุบางคนได้ชี้ให้เห็นว่า การเปรียบเทียบเสมือนต้นโพธิ์ต้นไทร ถือว่าเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ ปกป้อง คุ้มครองให้ร่มเงาให้ความร่มเย็นในยามร้อนก็หลบเข้ามาพักพิง คนทั่วไปให้ความสนใจโพธิ์ต้นไทร จะมีคนเอาผ้ามาผูก บูชา ซึ่งยังพบอยู่ทั่วไป
กล่าวโดยสรุป ผู้สูงอายุส่วนใหญ่แทบทั้งหมดสามารถอธิบายคำพังเพยนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน โดยเปรียบเทียบว่าลูกหลานเมื่อเดือดร้นก็จะนึกถึงพ่อแม่ เพราเป็นผู้ที่สามารถพึ่งพาในยามทุกข์ร้อน ผู้สูงอายุคือเสาหลักของครอบครัว ในปัจจุบันนี้ลูกหลานออกไปทำงานถิ่นอื่น พอวันตรุษสงกรานต์ก็จะกลับมารดน้ำดำหัว ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพบูชา อย่างน้อยปีละครั้งก็ทำให้มีคุณค่า ส่วนลูกหลานที่อาศัยอยู่ร่วมกันหรือในหมู่บานละแวกเดียวกัน ก็จะมาขอคำปรึกษาผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเห็นคล้อยกันว่า “ผู้สูงอายุคือศูนย์กลางของลูกหลาน” ใครเดือนร้อนก็จะมาหา เพื่อจะขอความช่วยเหลือ ขอคำปรึกษาในยามเดือดร้อนแก้ไขปัญหาไม่ได้
แม้ว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะยอมรับและมีความเชื่อมั่นว่า คนรุ่นใหม่จะยังคงให้ความเคารพยกย่อง และให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุ แต่ผู้สูงอายุบางคนกลับไม่มั่นใจว่าคนรุ่นใหม่ ไม่ว่านะเป็นลูกหลานหรือใครก็ตาม อาจไม่เห็นคุณค่าของพ่อแม่ หรือผู้สูงอายุ ถ้าพ่อแม่ไม่มีทรัพย์สินช่วยเหลือลูกหลานไม่ได้ก็จะเหมือนร่มโพธิ์ ร่มไทรผุๆ ลูกหลานอาจไม่ให้ความสำคัญเลย ผู้สูงอายุรายหนึ่งยกตัวอย่างที่ลูกหลานทิ้งพ่อแม่โดยไม่เห็นคุณค่า และไม่ยึดถือเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรก็คือ คนกรุงเทพฯ ที่ผลักไสให้พ่อแม่ไปอยู่สถานสงเคราะห์คนชรา ผู้สูงอายุบางคนได้แสดงความคิดเห็นไปในทางลบเช่นกัน โดยกล่าว่าคนรุ่นใหม่ต้องเผชิญปัญหามากมาย ไม่มีเวลาให้ความสนใจผู้สูงอายุ และมองผู้สูงอายุเป้นภาระแก่ลูกหลานและสังคม
ทัศนะต่างๆ ของผู้สูงอายุที่ได้สะท้อนต่อคำถามนี้ ทำให้ทราบถึงแนวคิดต่อสถานภาพและบทบาทของผู้สูงอายุในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีผู้ตอบบางคนที่สะท้อนความคิดในทางลบ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร เพราะสังคมมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุสามารถทำนายและคาดหวังได้ แต่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้แสดงทัศนะในทางบวกและเชื่อมั่นว่าการเคารพผู้สูงอายุและการเปรียบผู้สูงอายุเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรยังคงมีอยู่ และควบคู่ไปกับ สังคมและวัฒนธรรมไทย