
อำเภอเชียงของ เป็น 1 ใน 3 อำเภอภายใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดเชียงราย ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดนโยบายดังกล่าวขึ้นเพื่อกระจาย ความเจริญสู่ภูมิภาค โดยมีแม่น้ำโขงทำหน้าที่เชื่อมสู่ประชาคมอาเซียน คือ ลาว เมียนมา จีน รวมถึงเวียดนามและกัมพูชา เพื่อเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิต โดยได้เล็งเห็นศักยภาพและโอกาสอยู่บนแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South economic corridor) อีกทั้งในเรื่องของศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมในพื้นที่ โดยอำเภอเชียงของนั้นถูกโอบล้อมด้วยแนวเทือกเขาสลับกับพื้นที่ราบ ติดกับแนวแม่น้ำโขง มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่ายและสงบสุข โดยโครงการปรับปรุงพื้นที่ริมฝั่งโขงเพื่อสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษอำเภอเชียงของ มีจุดประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะ ทางเดิน ทางจักรยาน แหล่งท่องเที่ยวเชิงนันทนาการแห่งใหม่ของอำเภอเชียงของ และใช้เป็นที่พักผ่อนของประชาชน ซึ่งต่อยอดมาจากโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนเมืองผ่าน สร้างเมืองท่องเที่ยว”

โครงการฯ นี้ เริ่มดำเนินการเมื่อประมาณปี 2560 ในสมัยของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง เตชะมณีสถิต ต่อเนื่องมาถึงสมัยท่านผู้ว่าฯ ประจญ ปรัชญ์สกุล โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงรายมีหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างและดำเนินการก่อสร้างในตั้งแต่สมัยของนายยรรยง พลสันติกุล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย จนกระทั่งการก่อสร้างได้แล้วเสร็จในปี 2564 โดยโยธาธิการฯ คนปัจจุบัน คือ นายณรงค์ น้ำผึ้ง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการฯ และเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการฯ มูลค่ากว่า 147 ล้านบาท ออกแบบโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งมีกิจการร่วมค้า The Alternative Consortium เป็นผู้รับจ้าง อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังอยู่ในระยะค้ำประกันสัญญาเพื่อให้สามารถดูแลรักษาโครงการฯให้สมบูรณ์เพื่อพี่น้องชาวเชียงราย

โดยพื้นที่โครงการฯ เริ่มตั้งแต่บริเวณ ซอย 14 บ้านหัวเวียงถึงบริเวณห้วยน้ำสม (บริเวณหลังโรงแรมฟอร์จูน) รายละเอียดของโครงการฯ ประกอบด้วย การก่อสร้างทางเดินและทางจักรยานความยาวรวม 1,835 เมตร ก่อสร้างแลนด์มาร์คใหม่ของเมือง คือ ‘เสาพญานาค’ ริมแม่น้ำโขงบริเวณจุดบรรจบระหว่างห้วยน้ำสมและแม่น้ำโขง ก่อสร้างสะพานยกระดับเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อเส้นทาง มีทางเดินริมน้ำกว้าง 2.00 เมตร

พร้อมราวกันตกเสริมความปลอดภัย อีกทั้งทางจักรยาน 2 เลน ไป – กลับ ความกว้าง 3.00 เมตร มีการปรับปรุงถนนเทศบาลบริเวณซอย 3 ซอย 5 ซอย 7 และบริเวณวัดพระแก้วทิศใต้ ความกว้าง 6.00 เมตร ก่อสร้างศาลาพักชมวิวและใช้ประโยชน์ได้อย่างอเนกประสงค์จำนวน 4 จุด โดยจุดที่ 1 บริเวณซอย 14 เทศบาลตำบลเวียง จุดที่ 2 บริเวณวัดพระแก้ว จุดที่ 3 บริเวณวัดหลวง ซอย 5 เทศบาลตำบลเวียงเชียงของ จุดที่ 4 บริเวณจุดบรรจบระหว่างห้วยน้ำสมและแม่น้ำโขง รวมถึงลานกิจกรรม ทางลาดและบันไดลงสู่แม่น้ำโขง ป้ายแนะนำจุดท่องเที่ยวที่มีการออกแบบให้เหมาะสม กับอัตลักษณ์ของพื้นที่ มีไฟฟ้าส่องสว่าง เพื่อความปลอดภัยตลอดเส้นทางและปรับปรุงภูมิทัศน์ริมฝั่งโขงตลอดแนวโครงการฯ

เมื่อโครงการฯก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้รับผลการตอบรับจากประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ และหน่วยงานราชการต่างๆ ในทางที่ดีและชื่นชมมาโดยตลอด รวมถึงนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจ ถือเป็นแลนด์มาร์คจุดเช็คอินที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ทั้งดึงดูดนักธุรกิจในการค้าและการลงทุน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความคึกคักและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นที่ยอมรับของผู้คนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวและผู้ที่ได้มาท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์โดยตรง เกิดเสียงชื่นชมเป็นจำนวนมากว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความสวยงามราวกับอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางปั่นจักรยานและทางเดินที่มีความยาวกว่า 1.8 กิโลเมตร

โดยตลอดเส้นทางสามารถเดินเที่ยวชมวัดพระแก้ว วัดหลวงไชยสถาน พิพิธภัณฑ์ปลาบึกและสัตว์น้ำจืด อนุสาวรีย์ปลาบึกและห้วยน้ำดุก ท่าเรือผาถ่าน ประกอบกับบรรยากาศของทางภาคเหนือร่วมกับภูมิทัศน์ของแม่น้ำโขงที่ผู้คนสามารถดื่มด่ำไปกับสถาปัตยกรรม ประติมากรรมที่สวยงาม และบรรยากาศที่งดงามเกินคาดเมื่อได้มาลองสัมผัสด้วยตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเย็นจะเห็นผู้คนมากมายมาใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ในการออกกำลังกาย เช่น การวิ่งจ๊อกกิ้ง การเล่นสเก็ตบอร์ด หรือแม้แต่การออกมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ สูดอากาศบริสุทธิ์หลังจากเหนื่อยล้าจากการเรียนหรือการทำงานมาทั้งวัน สถานที่ดังกล่าวจึงเป็นศูนย์รวมของผู้คนในการสร้างปฏิสัมพันธ์ในสังคม การทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน การใช้เวลาร่วมกับครอบครัว รวมทั้งเป็นสถานที่นัดหมายของคนรุ่นใหม่ในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์

การใช้สอยประโยชน์จากพื้นที่โครงการดังกล่าวยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ในส่วนของการใช้ประโยชน์ของหน่วยงานภาครัฐ ได้มีการใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรมมากมาย เช่น เทศกาลสงกรานต์ประจำปี งาน 2 ล้อเติมบุญเลียบถิ่นปลาบึก เป็นต้น อีกทั้งยังได้รับความสนใจจากเหล่านักท่องเที่ยวทั้งในและนอกพื้นที่ ซึ่งต่างเข้ามาเยี่ยมชมและเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์จำนวนมาก เช่น ช่องทางยูทูป เว็ปไซต์หรือการโพสท์เฟสบุ้ค

โดยล้วนมีความชื่นชมถึงความสวยงามและความวิจิตรของโครงการ บอกเล่าถึงการที่คนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ไปจนถึงการเปรียบเทียบว่าสวยงามเหมือนอยู่ต่างประเทศ เป็นต้น ดังนั้นโครงการดังกล่าว จึงถือว่าเป็นการอนุรักษ์การท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมในเขตเมืองเก่าและพัฒนาการท่องเที่ยวทางธรรมชาติตามแนวริมฝั่งโขงไปพร้อมกัน ทั้งพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว ให้เป็นเมืองท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่ปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงามเท่านั้น หากแต่ส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวและเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเต็มรูปแบบอย่างครบวงจร

