ในขณะที่โควิด-19 สายพันธุ์ ‘โอไมครอน’ กำลังระบาดอย่างรวดเร็ว ก็มีกระแสเสียงบ่น…และก่นด่า กันไปทั่วหน้าในขณะนี้…เนื่องเพราะ “ของแพงทั้งแผ่นดิน” และอะไรต่อมิอะไรก็ดาหน้าตั้งท่าจะขึ้นราคากันไปหมด ที่ผ่านมาเท่าที่จำได้ยังไม่มียุคใดสมัยใดที่ประชาชนคนไทยจะร้องโอดโอย…เดือดร้อนและก่นด่ารัฐบาลกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้าเช่นนี้
การเดินประท้วง ทั้งร้องขอความเป็นธรรม และยุติธรรม อันเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม เรื่องรายได้ การตกงาน ว่างงาน ของกลุ่มชนทุกอาชีพ มีให้เห็นอยู่ประจำตามหน้าข่าวและสารพัดในสื่อโซเชียล…ซึ่งมันเป็นภาพสะท้อนถึงฝีมือและการมีวิสัยทัศน์ในการทำงานและวิธีคิดการบริหารบ้านเมืองของผู้นำและคณะผู้ปกครองบ้านเมืองของรัฐบาลนั้นๆโดยตรง….ไม่ว่ายุคใดสมัยใดซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดให้เห็นภาพและปรากฏการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม
“เพราะทุกสรรพสิ่งในโลกย่อมเชื่อมโยงกันเสมอนั่นเอง”..!!? สาเหตุและต้นตอมาจากอะไร…ก็ต้องแก้ไขที่จุดตรงนั้นที่เป็นจุดเริ่มต้น…แต่ต้องมี”วิธีคิด”การแก้ไขที่เป็นวิทยาศาสตร์เป็นเหตุเป็นผล… หาใช่เพราะอารมณ์และ “ความรู้สึก” ที่มากกว่า “ความรู้” ที่เอาตัวรอดไปเฉพาะหน้าชั่วครั้งชั่วคราวเป็นเรื่องๆ และใช้ วิธีการแบบเดิมๆ ทั้งไม่มีการประเมินติดตามผลไปในแต่ละคราว…เพียงเพื่อตนเองดูดีในสถานการณ์นั้นๆ …ไม่มีวิธีคิดแก้ไขแบบใหม่ ๆ เอาเสียเลยยย…?!! ทั้งๆ ที่มีข้อมูลและคนคิดเก่งๆ มากมายอยู่รายรอบ..จริงๆ นะ..ว่ามั้ย
สถานการณ์การบ้านเมืองในปี 2565 นี้ มีการวิเคราะห์จากนักวิชาการด้านการเมืองและโหราจารย์ชื่อดังพยากรณ์ไว้ว่าจะเป็นปีที่วุ่นวายทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ครั้งใหญ่ รวมทั้งด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด..เท็จจริงอย่างไรก็ฟังไว้เป็นข้อมูลอย่างมีสติและมีวิธีคิดและเชื่อบนพื้นฐานที่เป็นวิทยศาสตร์และตามหลักกาลามสูตร 10 ประการ..เถิด..!
หันมาเรื่องใกล้ตัวที่เชียงรายของเราในช่วงเดือน ก.พ.และช่วงใกล้เข้าสู่ฤดูร้อนในปีนี้บ้าง เมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาเกิดสภาพอากาศแปรปรวน มีฝนตกลงมา บางแห่งมีพายุลูกเห็บอย่างหนักด้วย (ที่ อ.เมือง แม่จัน แม่สาย เชียงราย…ที่ อ.แม่อาย เชียงใหม่ (18 ม.ค. สวนส้มเสียหายยับเยิน) และที่อื่นๆ) พร้อมไอหนาวร่วมสัปดาห์ จึงทำให้สภาพอากาศทางภาคเหนือโดยเฉพาะที่เชียงรายดีขึ้น ฝุ่นและหมอกควันในเชียงรายยังอยู่ในเกณฑ์ดี – ดีมาก ค่า PM 2.5 ยังอยู่ในระดับสีฟ้า และเขียวบ้างในภาพรวมภาคเหนือ (อ้างอิงจาก A4Thai และ “ยักษ์ขาว วัดฝุ่น” (แอปฯที่สร้างโดย ม.ราชภัฏเชียงราย ม.แม่ฟ้าหลวง ม.เทคโนโลยีเชียงราย และองค์กรเอกชนในเชียงราย ใครยังไม่มีโหลดได้จากเว็บฯ) ปรากฏการณ์ของฝนที่เกิดขึ้นดังกล่าว หากยังมีต่อเนื่องมาถึงเดือนกุมภาฯนี้ก็เชื่อได้เลยว่า “ปัญหาหมอกควัน” ในภาคเหนือและเชียงรายจะเบาบางไม่เกินค่ามาตรฐานแน่นอน (การกำหนดค่าดังกล่าว..WHO (องค์การอนามัยโลก) ค่า PM 2.5 ไม่ควรเกิน 25 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตรใน 24 ชั่วโมง กรมควบคุมมลพิษ ประเทศไทย ค่า PM 2.5 ไม่ควรเกิน 50 ไมโครกรัมฯใน 24 ชั่วโมง)
ลักษณะอย่างนี้ก็จะเป็นแม่เหล็กและเป็นเสน่ห์ของเชียงรายและจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือในการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีมากขึ้นไม่เหมือนปีก่อนๆที่ผ่านมาอย่างปี’62 การรณรงค์แก้ไข “ปัญหาหมอกควัน” และค่า PM 2.5 นี้ ไม่ควรเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นปีๆ แม้จะประกาศเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล และร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังไม่เป็นผล ควรร่วมมือในระดับประชาคมอาเซียนไปเลย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นต้นเหตุของการเกิด มิใช่ทำตามงบฯแบบเดิมๆ ปีหน้าก็ว่ากันใหม่
สำหรับที่เชียงราย นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าฯและคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เชียงราย ปี ‘64-65 ได้ประชุม พร้อมรับมือไฟป่าหมอกควันในเชียงรายแล้วโดย กำหนด “60 วัน ห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ตั้งแต่ 15 ก.พ.-15 เม.ย.’65 นี้” ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังพรานป่า ล่าสัตว์ นักหาของป่าตามหมู่บ้านต่างๆ ให้ความร่วมมือด้วย พร้อมมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เฝ้าระวังและตรวจสอบได้ด้วย ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ ค่า PM 2.5 เชียงราย เบาบางเพื่อให้สภาพอากาศที่ดีกลับคืนมา ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยวอีกต่อไป
ครับ..การมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ของชุมชนและประชาชนในท้องถิ่นจึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการทำงานและการพัฒนาเป็นอย่างยิ่ง…รวมทั้งการรณรงค์ป้องกัน ‘โควิด-19’ อีกทั้งสายพันธุ์ ‘โอไม(มิ)ครอน’ในปัจจุบัน ที่ WHO และประเทศไทย จะประกาศให้เป็น “โรคประจำถิ่น” (Endemic) มิใช่ ‘Pandemic’ อีกต่อไป หากเป็นจริงได้ ก็จะเป็นไปตามหลักพุทธที่ว่า “สุงสุด..คืนสู่สามัญ” ที่ชาวโลกไม่ต้อง หวาดหวั่น…ขวัญผวา… กันอีกต่อไป..จบเกมกันที ‘ไอ้โควิดฯ’..ตัวร้าย..!!