คอลัมน์ » จาก “เมต้า”.. มาจบที่ “ไม้ดอกฯ” เชียงราย

จาก “เมต้า”.. มาจบที่ “ไม้ดอกฯ” เชียงราย

9 ธันวาคม 2021
410   0

สังคมโลกของเราเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีใหม่ ที่เรียกว่า เมต้าเวิร์ส (Metaverse)  ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาใหม่ของบริษัทเฟซบุ๊กแล้วเปลี่ยนชื่อใหม่(บ.เมต้าเวิร์ส)ดังกล่าว  ให้เชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์ที่เหนือชั้นไปอีกขั้นสามารถสร้างและผสานระบบนิเวศต่าง ๆ บนโลกของเราที่เป็นจริงอยู่แล้ว ให้เข้ากับโลกเสมือนจริง หรือที่เราเรียก “โลกจำแลง -โลกทิพย์” อะไรทำนองนี้ ด้วยการอาศัยเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) ช่วยเสริมเชื่อมโยงให้เสมือนจริง ให้กลายเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้เสมือนจริงได้ในทุก ๆ เรื่อง  ตั้งแต่การศึกษา  การบริหาร  การท่องเที่ยว  การลงทุน  อีกทั้งด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ได้อยางง่ายดาย ด้วยโลกเสมือนจริง ง่ายๆ อย่างเคยเห็น เช่น การเล่นเกม การขับรถยนต์บนหน้าจอคอมพ์ รวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าที่ไร้คนขับ เป็นต้น และ ฯลฯ อย่างล่าสุด รัฐบาลกรุงโซล เกาหลีใต้ ประกาศว่าจะเป็นเมืองแรกที่จะนำ Metaverse มาใช้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน Seoul Vision 2030 ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่น่าสนใจยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้…แม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้าไปมากเพียงใด สังคมโลกของเราก็กำลังเผชิญภัยพิบัติต่างๆ รอบด้านทั้งภัยที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์เอง และภัยที่เป็นปรากฏการณ์ที่เป็นธรรมชาติมากมายตามที่ปรากฏเป็นข่าวให้เห็นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโรคร้ายชนิดต่างๆดังปัจจุบัน น้ำท่วม แผ่นดินไหว น้ำทะเลเซาะฝั่ง พายุชนิดต่างๆทั้งในและต่างประเทศ และเป็นที่น่าสังเกตว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นนับวันจะรุนแรงมากขึ้นๆ ในทุกๆ ปี บ้างก็ว่า หนักที่สุดในรอบ 30, 50 ปี หรือ หนักที่สุดในรอบ 100 ปี….เชื่อว่านับวันจะรุนแรงมากขึ้นหากมนุษย์ในโลกเมินเฉยในการแก้ปัญหา…

นักวิทยาศาสตร์ นักภูมิศาสตร์ นักฟิสิกส์ ทั่วโลกต่างสรุปตรงกันว่า เป็นเพราะเกิด “ภาวะโลกร้อน” หรือ Global Warming อย่างที่เราคุ้นหูกันมานาน ซึ่งมีส่งผลกระทบให้ “การเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ” หรือที่เรียกกันว่า Cimate Change” นั่นเองจึงทำให้เกิดภาวะโลกร้อน หรือ Global Warming อย่างที่เราคุ้นหูกันมานาน  ซึ่งมนุษย์เราก็มีส่วนทำให้เกิดภัยพิบัติเหล่านี้ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเฉพาะกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจในระบบทุนนิยมเกือบทั่วโลก

ที่มา : Google.com

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อ 31 ต.ค.-12 พ.ย.’64 ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ มีการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (Conference of the Parties : COP26) เพื่อควบคุมปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการผลักดันให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ตามอุตสาหกรรมและส่วนที่เกี่ยวโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ ครั้งนี้มี 200 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย  ที่มีพันธสัญญาที่จะต้อง ยื่นแผนการลดการปล่อยคาร์บอนภายในปี 2030 รวมทั้งลดการตัดไม้ทำลายป่าด้วยจาก 100 ประเทศ เพื่อช่วยกันรักษาอุณหภูมิของโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 2 องศาเซลเซียสในอนาคต และให้พยายามตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 องศาฯเพื่อที่จะป้องกัน การเกิดหายนภัยต่างๆ  จากการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศที่เลวร้าย ตามข้อตกลงที่กรุงปารีสเมื่อ 2015 สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้ที่ประชุมครั้งนี้ ทั้งจีน และ สหรัฐ ต่างยินดีที่จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ตามข้อตกลงที่ปารีสฯ ดังกล่าว  เพราะทั้ง 2 ประเทศนี้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯถึง 43 % ของโลกเลยทีเดียวหลังจากที่ไม่เคยแยแสเหินห่างมาแล้วก่อนหน้านี้

            ถึงแม้ว่า… เทคโนโลยีจะเจริญก้าวล้ำเพียงใดก็ตามเราก็ไม่สามารถควบคุมปรากฏการณ์ที่เป็นภัยพิบัติจากธรรมชาติได้อยู่ดี… นอกจากมวลมนุษยชาติทั้งหลายจะมีจิตตระหนักและสำนึกร่วมกันในเรื่องการรักษาระบบนิเวศของโลกเราเท่านั้น….

กล่าวสำหรับจีนและสหรัฐฯ ในปัจจุบันทั้งคู่กลายมาเป็นคู่แข่งเกือบจะกลายเป็นขมิ้นกับปูนกันหลายครั้งหลายครามาแล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้นำแต่ละยุคสมัย อย่างเมื่อกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาก็มีเรื่องไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับการมีอิทธิพลย่านอินโด-แปซิฟิกที่อยู่ใกล้บ้านเรามาแล้ว  ผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องจับตาเมื่อ มหาอำนาจทั้ง 2 ต่าง ก็เป็นช้างสารมหาอำนาจด้วยกันทั้งคู่  ผู้นำจีนยุคใหม่ในปัจจุบันก็มีฤทธิ์เดชและมีวิสัยทัศน์เป็นเยี่ยมอยู่แล้วในการนำพาประเทศเข้าสู่ยุคดิจิทัล

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ (พรรคการเมืองของจีน) มี มติและประกาศยกฐานะให้โลกรู้ว่า “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ให้เป็นผู้นำดำรงอยู่ตลอดไป และมีฐานะเท่ากับ “เหมา เจ๋อตุง” และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” 2 ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในอดีต .ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคคอมมมิวนิสต์ในอดีตเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา…

หากมองวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศของผู้นำอย่าง “สี จิ้นผิง” แล้วเป็นที่ครั่นคร้ามของประเทศต่างๆ ยิ่งนัก ขณะเดียวกันยุคนี้เปิดรับและต้องการคนเก่งและมีความสามารถจากทั่วโลก ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อมาช่วยด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไปและมีเข็มมุ่งเป็นผู้นำโลกในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับโลก แบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้ 1.ภายในปี 2025 จะเพิ่มทุนในการทำวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้นในประเทศ 2.ภายในปี 2030 จะเป็นประเทศซึ่งดึงดูดคนเก่ง ที่มีฝีมือทักษะสูงจากทั่วโลกเข้าไปทำงานในประเทศอย่างเต็มที่ และ 3. ภายในปี 2035 จีนจะกลายเป็นประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงทุกๆ ด้านในระดับโลก

            …นี่คือวิสัยทัศน์และเข็มมุ่งของผู้นำจีนยุค “สี จิ้นผิง” …ไม่เหมือนบางประเทศ ที่ผู้ใหญ่ไม่ยอมคุยและยอมรับความคิดเด็กๆ ในยุคเจนฯใหม่..และปิดประตูกั้นขวาง มองคนเห็นต่างเป็นศรัตรู มีแต่จะจ้อง จับผิด และยัดเยียดข้อหา จำกัดเสรีภาพต่างๆ นานา ของเขาไปทั่ว…!!?

คอลัมน์ “ฝากไว้ให้คิด” เชียงรายนิวส์ ฉบับนี้พาท่านตระเวนไปไกลเกือบรอบโลกเลยที่เดียว…แต่สุดท้ายก็ต้องหันมามองท้องถิ่นเราบ้าง อย่างคำกล่าวที่ว่า … “คิดกว้าง  มองไกล…แต่ใส่ใจท้องถิ่น” (“Think globally, act locally”…ช่วงเดือน ธ.ค. ’64 – ม.ค.’65 นี้ เชียงรายมีงานสำคัญที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่หลายแห่ง อย่างเมื่อต้นเดือน 1- 5 ธ.ค. เชียงรายได้เปิดเมืองเพื่อรับนักท่องเที่ยวไปแล้วที่ลานวัฒนธรรมศาลากลางหลังแรก ตามที่ นายภาสกร บุญญลักษม์ ผวจ.เชียงราย ร่วมกับ อบจ.เชียงราย เทศบาลนครเชียงราย นายวิสูตร บัวชุม ผอ.ททท.เชียงราย  ดร.อนุรัตน์ อินทร ปธ.หอการค้าเชียงราย นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า สาธารณสุขเชียงราย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวเตรียมเปิดรับการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด Blooming Chiangrai (บุปผางามบานสะพรั่ง ทั้งเชียงราย) มีดอกไม้งามและแสดงด้านศิลปวัฒนธรรมด้วย  พร้อมเตรียมเข้าสู่การเป็นจังหวัดเขต Blue zone แห่งการท่องเที่ยว ในเขต 11 อำเภอ นำร่อง ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย พาน เชียงของ เทิง เวียงแก่น แม่สรวย แม่จัน เชียงแสน แม่สาย แม่ฟ้าหลวง และ เวียงป่าเป้า แต่ละอำเภอมีของดี ๆ ซ่อนอยู่มากมาย

ส่วนงานใหญ่หลักๆ ประจำปีก็มีอยู่แล้ว (งานอื่นๆ ค้นได้ในโซเชียลฯ) ดังนี้ 1.มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2021 18 ธ.ค.’64 – 1 ม.ค. ‘65 จัดโดย อบจ.เชียงราย  มีแสง สี ใน 7 ลานแสดงงานต่างๆ ที่หลากหลายน่าสนใจมาก ณ สวนไม้งามริมน้ำกก (ศูนย์ราชการ) อ.เมือง จ.เชียงราย 2. เชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 18 จัดโดย เทศบาลนครเชียงราย ทั้ง 2 งานใหญ่ๆ นี้ มี  อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกอบจ. และ วันชัย – (รัตนา) จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีฯและคณะ ผู้บริหารทั้ง 2 องค์กรร่วม รับผิดชอบงานใคร…งานมัน..แต่มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น  ด้วยการดึงนักท่องเที่ยวมาช่วยสร้างความเจริญแก่ท้องถิ่นด้วยกันทั้งคู่ในทุกๆ ปี อย่างสม่ำเสมอ ทั้ง 2 แห่งมีความโดดเด่นต่างกันอย่างน่าชื่นชม จริงๆ …

             เห็นยังละครับว่า ต่อไป…เราอาจจะใช้เทคโนโลยี “เมต้า” มาใช้ในการจัดงานไม้ดอกฯดังกล่าวก็เป็นได้ในอนาคต แหม…วันนี้ผมพาไปรู้เรื่องต่างๆ เสียไกลลิบ… ที่สุดก็มาถึงจั่วหัวเรื่องวันนี้… จาก “เมต้า..” .. มาจบที่ “ไม้ดอกฯ” เชียงราย.. จนได้…!!



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า