ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องที่เหนือความรู้ที่สามัญมนุษย์จะรู้เข้าไปถึง หากไม่พูดถึงเรื่องนี้ก่อนก็ยากจะเข้าใจได้โดยง่าย นั่นคือภพของจิต หรือภวังค์
ภวังค์ เมื่อมีใครเอ่ยขึ้นมาคนจะนึกไปถึงสภาพที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง นึกถึงความเป็นสภาพเลื่อนลอย จึงมักได้ยินคำว่า ตกภวังค์ แล้วแท้จริงมันคืออะไร
ภวังค์ ท่านว่า คือภพของจิต เราพบคำว่าภพ ก็แสดงว่าต้องมีสภาพเป็นที่อยู่ มีตัวตนแล้วอยู่ที่ไหนละและอย่างไร
มารู้จักภวังค์กันค่ะ ถ้าเข้าใจตัวนี้เราจะเข้าใจเรื่องฌานดีขึ้น ภวังค์ มีสภาพไม่เกาะเกี่ยวกับกายจึงไม่สามารถเข้าไปควบคุมบังคับบัญชาได้ แต่อยู่ๆก็เห็น แต่โดยมากเห็นโดยไม่รู้ตัวเสียส่วนใหญ่ พอรู้ ก็จะบอกตัวเองว่า อ้าว หรือ เอ๊ะฉันฝัน หรือเมื่อคืนฝันอะไรก็ไม่รู้
นี่ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยฝึกจิตมาก่อนเราจะได้พบภวังค์ตอนที่เรานอนหลับแล้วฝันไปนี่เอง หรือจะพบได้ก็ตอนที่กำลังสะลืมสะลืม ง่วงนอนอย่างสุดๆ ตอนนี้เองที่ภวังค์จะปรากฏให้เห็นได้ บอกสภาพความมีอยู่ของมันว่า เจ้าของจะพบได้ก็ตอนอยู่ในสภาพที่เจ้าของไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถควบคุมสติและความคิดได้ อยู่ๆก็ปรากฏ เมื่อปรากฏแล้วเจ้าของได้แค่เห็นแค่รู้ บางครั้งแค่เรื่องเดียว แต่บางครั้งเห็นจากเรื่องนี้ ไปหาเรื่องนั้น โดดไปเรื่องนู้น สะเปะสะปะไปหมด นี่คือการบอกสภาพความมีอยู่ของภพวังค์ในคนทั่วไปที่ยังไม่รู้วิธีเข้าไปใช้ประโยชน์ในภวังค์นี้
มีครูบาอาจารย์ที่กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนอยู่สองท่าน ท่านแรกคือหลวงพ่อวิริยังค์ท่านกล่าวถึงภวังค์ว่าคนเราสามารถเข้าภวังค์ได้ด้วยการหลับ หากจิตใครเข้าภวังค์ไม่ได้หรือเข้าได้ยากคนนั้นจะเป็นคนหลับยาก เพราะการหลับคือการเข้าภวังค์นั่นเอง นอกจากนี้ท่านยังกล่าวว่าเมื่อเวลาจะตายหากจิตยังเข้าภวังค์ไม่ได้ เขาก็ยังไม่สามารถตายได้แม้จะมีทุกขเวทนาสาหัสเพียงใดก็ตาม นั่นหมายความว่าคนเราจะตายได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในภวังค์เท่านั้น
อีกท่านที่กล่าวถึงภวังค์ไว้ชัดเจนคือหลวงพ่อฤาษีแห่งวัดท่าซุงที่คนทั่วไปเรียกท่านว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั่นเอง ท่านกล่าวถึงนาทีสุดท้ายก่อนชีวิตจะดับนิมิตก่อนตายจะปรากฏขึ้น คนที่กำลังจะตายจะมองเห็นภาพการกระทำของคนที่จะตายที่ได้ทำไว้ ทุกเรื่องจะปรากฏเป็นนิมิตให้เห็นเป็นเรื่องๆไป หากพูดแบบนี้หลายท่านคงนึกถึงว่าภาพจะมาแบบภาพยนตร์จะว่าไปก็แบบนั้น แต่ในวิถีจิตไม่ได้เป็นภาพต่อเนื่องแบบนั้น เรื่องนี้ท่านที่เรียนปริยัติจะเข้าดีในเรื่องวิถีจิต ภาพจะปรากฏแค่วาบเดียวแต่เจ้าของรู้แจ้งแทงตลอดไปทั้งเรื่องเพราะตัวเองเป็นผู้ทำมันถูกบันทึกแล้วในหน่วยสัญญาของขันธ์ 5 นั่นเอง จากเรื่องนั้น วาบหนึ่ง ไปเรื่องนู้นอีกวาบและแทงตลอดเรื่องเช่นกัน ทุกเรื่องวาบๆเข้ามา จิตตัดลงที่เรื่องไหน บุญ หรือบาป เรื่องนั้นเองจะไปกำหนดภพต่อไปของผู้ตาย ตรงนี้คือ จุติจิต นั่นเอง คือจิตเคลื่อนตรงนี้ จุติไม่ใช่เกิดนะคะ ตัวเกิดท่านเรียกปฏิสนธิจิต ซึ่งก็ได้จากจุติจิตนี่เอง จุดนี้เองที่หลวงพ่อฤาษีท่านบอกว่า ลูกหลานญาติมิตรสามารถช่วยได้ด้วยการจูงจิตให้นึกถึงแต่สิ่งดีๆ ที่เคยทำ รวมถึงให้นำเงินใส่มือแล้วนำให้ผู้จะตายตั้งจิตถวายเงินนี้เป็นสังฆทาน เพื่อให้ผู้จะตายได้สร้างกุศลให้ได้ผลบุญส่งให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดีซึ่งท่านกล่าวว่าเมื่อบุญเข้าถึงใจ บาป อกุศลใดๆที่ทำไว้ก็เข้าถึงไม่ได้นั่นเอง
เราได้รู้แล้วว่า ภวังค์ คือสภาพของจิตที่ไม่สามารถควบคุมได้ในคนทั่วๆไป แต่ไม่ใช่ไม่สามารถเข้าไปควบคุมใช้งานได้เลย เพราะยังมีบุคคลประเภทหนึ่งที่อยู่นอกเหนือจากธรรมดานี้ นั่นคือผู้รู้จักวิธีเข้าหาภวังค์นี้ เรียกอีกอย่างว่าภวังคจิต เราพบตัวจิตแล้ว ตรงนี้เอง ภวังค์คือภพ ภวังคจิต ก็คือภพของจิต มีสภาพเป็นอิสระจากกาย การจะเข้าไปหาภวังคจิต หรือภพของจิตของตัวเองได้ ผู้นั้นต้องฝึกตัวรู้ก่อน ตัวรู้ หรือวิญญาณขันธ์ของคนทั่วไปรู้แต่เรื่องโลกๆ รู้ออกไปนอกตัว ไร้สติและปัญญาจะเข้าไปเข้าใจความหมายของตัวเอง เรียกว่าถูกอวิชชาครอบงำอยู่ การจะเข้าไปรู้จักและควบคุมจึงยากจะเป็นได้ นอกเสียจากเขาต้องมาฝึกตัวรู้ทลายอวิชาเบื้องต้นออกก่อน นั่นคือเขาต้องมาฝึกตัวรู้ให้มีกำลัง เรียกว่าฝึก เข้าฌาน ก็คือต้องมาฝึกสมถภาวนานั่นเอง ผู้มีกำลังตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปจึงจะสามารถเข้าสู่ภวังคจิตนี้ได้ และเรื่องที่นอกเหนือจากสายตามนุษย์ไปจำเป็นต้องเข้าใจจุดนี้ก่อนนั่นเอง