รับปากว่าจะคุยเรื่อง 31ภพภูมิให้ฟังกัน ปรากฏว่าถูกพระศรีอาริย์มาอุบัติตัดหน้าไปก่อน เอาเป็นว่าคราวนี้เราจะกลับมาคุยเรื่องนี้กันค่ะ
ถ้าเราจะมาพูดกันอย่างความคิดของคนในยุคนี้แล้ว เราจะเห็นความคิดหลากหลายของผู้คนเป็นอย่างมาก บางคนเชื่อในพระเป็นเจ้า บางคนเชื่อในเรื่องของกรรมเชื่อในชาตินี้ ชาติหน้า เชื่อในสิ่งลี้ลับ บางคนเชื่อแต่ในสิ่งที่มองเห็นเท่านั้น การเวียนว่ายตายเกิด เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิถือว่าไร้สาระ เป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ ถ้ามีจริงต้องสามารถพิสูจน์ได้สิ หรืออีกสารพัดความเชื่อที่จะสามารถคิดกันได้ ถามว่าในความหลากหลายของความเชื่อแบบนี้มันจะมีผลเป็นไปตามความเชื่อนั้นหรือ คำตอบคือ ไม่ ความเชื่อไม่ใช่คำตอบของโลกนี้ ถึงจะมีคนเชื่อว่าตายแล้วก็แล้วกันไป ชีวิตหลังการตายไม่มี แต่เมื่อเขายังเป็นสัตว์โลกอยู่ ชีวิตของสัตว์โลกย่อมต้องหมุนไปตามวัฏจักรของโลก ย่อมมีการเวียนว่ายตายเกิดเป็นธรรมดา เปลี่ยนภพ เปลี่ยนภูมิไปตามกรรม ตราบเท่าที่ยังไม่สามารถละความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวเป็นตนได้ เขาย่อมวนเวียนไปในภพภูมิทั้ง 31 ภพภูมินี้ไม่มีข้อยกเว้น จะพ้นจากนี้ได้ก็มีแต่ผู้ที่ละความยึดมั่นในตัวตนจนเข้าถึงนิพพานได้แล้วเท่านั้นจึงจะสามารถพ้นวัฏสงสารของโลกนี้ไปได้
แล้ว อะไรเล่าจึงเป็นตัวกำหนด
เริ่มกันที่ภูมิที่เราเห็นกันก่อนคือภูมิมนุษย์ ในภูมินี้ท่านถือว่าเป็นภูมิกลางถือเป็นภูมิที่กำหนดภพต่อไปและที่รับวิบากของเหล่าสัตว์ เราเคยพูดกันมาแล้วว่าภพคือสภาพที่เป็นหรือสภาวะ ที่ได้มาของเหล่าสัตว์ ว่าเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเทวดา พรหมหรือสัตว์นรกเป็นต้น ภูมิ คือที่อยู่ ชาติ คือการได้เกิด ดังนั้นภูมิมนุษย์จึงเป็นที่อยู่ของสัตว์ 2 ภพคือคนและเดรัจฉาน
นี่ เราเจอ 2 ภพ ในกามาพจรภพ 11 ภพ คือ สวรรค์ 6 มนุษย์ 1 อบาย 4
มารู้จักคำว่า สัตว์ ก่อนค่ะ สัตว์ ตามคำสอน ท่านแปลว่า ผู้ยังข้องอยู่ในวัฏสงสาร คือผู้ที่ยังมีความยึดมั่นถือมั่นในชาติภพ เมื่อเกิดมาในภพใดก็ยึดมั่นในภพนั้นว่าเป็นตัวเป็นตนของตน สัตว์ที่มาได้ภพของมนุษย์ก็ยึดในสภาวะความเป็นมนุษย์ของตนว่าดี ว่าประเสริฐ ขณะที่สัตว์อีกผู้หนึ่งได้ภพเป็นวัว เป็นควาย เป็นดั้กแด้ เป็นตัวหนอน ต่างก็ยึดและติดใจในความเป็นของตน มีความรักในชีวิตของตนเหมือนๆกันหมด ดังนั้น ใน 31 ภพภูมินี้จึงมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ด้วยความยึดนี้ คำพระท่านเรียกว่า ความไม่รู้ หรืออวิชชา คือไม่รู้ว่าความยึดติดในภพหรือสภาวะนี้ก่อให้ได้เกิดคือได้สภาวะเป็นอะไรก็ได้ตามแต่กรรมที่ได้ก่อขึ้น เรียกว่าวิบาก
วิบาก เป็นได้ทั้งกุศลคือบุญคือความดี ความมีสุขและอกุศลคือบาปคือความไม่ดี ความมีทุกข์ วิบากจึงเป็นผลของการกระทำทั้งที่เป็นบุญและเป็นบาป ตัวนี้คือเครื่องส่งให้สัตว์ผู้นั้นไปเกิดในภพภูมิต่างๆตามกรรมที่ได้สร้างทำเพื่อไปรับวิบากกรรมนั้นๆ
สัตว์โลกผู้หนึ่ง เมื่อจะเกิดมาเขาย่อมมีเหตุปัจจัยให้เกิดวิถีชีวิตของเขาย่อมถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะต้องได้สิ่งใดมาบ้าง จะต้องได้รับสิ่งใดมาสมทบต่อไปและต่อไป ช่วงชีวิตไหนจะเป็นอย่างไร นั่น คือสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องรับวิบากอะไร ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น แต่ทางเลือกที่จะดำเนินต่อวิบากนั้นต่างหากที่จำกำหนดวิถีต่อไปของเขาสืบต่อเป็นวิบากใหม่ให้เขา 31 ภพภูมิถูกกำหนดได้ด้วยหนทางที่เขาเลือกกระทำต่อวิบากที่เขาได้รับนี่เอง
31 ภพภูมิ มนุษย์ 1คือเป็นฐาน ต่ำลงไป 4 เรียกอบายภูมิ 4 มี นรก เปรต อสุรกาย และเดรัจฉาน เบื้องบนขึ้นไปมีสวรรค์ 6 รูปพรหม 16 อรูปพรหม 4 นี่คือที่เวียนว่ายตายเกิดของเหล่าสัตว์ ตามแต่กรรมที่ได้กระทำมา
โลกมนุษย์ คือภูมิกลางอย่างที่กล่าวมา เป็นภูมิที่เหล่าสัตว์ต้องมารับกรรมวิบากและสร้างวิบากกรรมใหม่ต่อไป ในภูมิกลางนี้ นอกจากจะมีเหล่ามนุษย์แล้วยังมีเหล่าสัตว์ที่จัดอยู่ในส่วนของอบายภูมิให้เห็นเป็นเครื่องยืนยันอยู่หนึ่งภูมิ นั่นคือเดรัจฉานนั่นเอง เหล่าเดรัจฉานหรือสัตว์ทั้งหลายล้วนจัดเข้าอยู่ในภูมิของอบายภูมิทั้งสิ้น แต่ก็จัดว่าเป็นอบายภูมิที่มีทุกข์น้อยที่สุด แต่ก็จัดได้ว่ายังมีวิบากกรรมที่หนักหนาอยู่ เพราะไม่สามารถบรรลุธรรมได้เหมือนมนุษย์ เพราะอยู่ได้ด้วยสัญชาติญาณเคยเป็นมาอย่างไรก็กระทำได้ต่อเท่านั้น แต่ก็ยังมีโอกาสพ้นกรรมและเปลี่ยนภพภูมิได้เมื่อได้ชดใช้กรรมหมดแล้ว
ส่วนนรก เปรตและอสุรกายนั้นรับทุกข์แต่เพียงอย่างเดียว ตามความหนักเบาของกรรมที่สร้าง หากจะถามว่าทุกข์ในนรกนั้นมากมายขนาดไหน ก็ลองเทียบดูว่าคนที่ถูกไฟเผาลวกทั้งตัวนั้นเราพอรู้ประมาณเอาว่าจะแสบร้อนขนาดไหน ท่านยังกล่าวว่านั่นยังไม่ได้เศษเสี้ยวของการถูกไฟนรกเผาไหมเอาเลย คิดว่าว่าจะน่ากลัวน่าเป็นทุกข์ขนาดไหน ความอดอยากที่เราได้เห็นจากภาพข่าวของชาวแอฟริกานั้นดูทุกข์ทรมานหิวโหยขนาดไหนก็ยังไม่เท่าความทุกข์จากการหิวโหยของเหล่าเปรตที่ต้องทนทุกข์นั้นเลย ในทางกลับกัน หากสร้างทำแต่ส่วนดีมีกุศลผลวิบากที่ได้รับนั้นก็สุดยอดแห่งความสุขอย่างสุดประมาณเช่นกัน ก็สุดแต่จะเลือกทำนั่นเอง