ช่วงนี้เหตุการณ์บ้านเมืองโดยภาพรวมของประเทศเรากำลังเป็นไปอย่างน่าติดตามยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของ “โควิด-19” ที่กลับมาในระลอก 2 ซึ่งกำลังเป็นที่หวาดหวั่นในทุกจังหวัด ทั้งที่มีการระบาดหนัก เบา และที่ปลอดโควิดฯในหลายจังหวัดตามที่เป็นข่าวในแต่ละวัน ซึ่งส่งผลกระทบด้านวิถีชีวิตและเศรษฐกิจไปทั่วหัวระแหงรวมทั้งเป็นประเด็นการเมืองไทยด้วย และที่เชียงรายเอง วันนี้เราต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ…แม้จะถูกเจาะไข่แดงไปแล้ว… หลังระวังกันมานานแต่ต้องตั้งอยู่บน การมีสติ… อย่าวิตกจริตมากเกินไปจะเป็นอันตรายกว่าติดโควิดฯ…!!!
อีกทั้งความเข้มข้นทางการเมืองที่กำลังมีการเคลื่อนไหวรายวัน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล รวมทั้งคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไปที่รักในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในขณะนี้ ช่วง 16-19 ก.พ.นี้ (หากไม่มีเปลี่ยนแปลง)ก็จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจากฝ่ายค้าน ที่ชวนติดตามยิ่ง เพราะ “การเมืองการปกครอง” เป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องและมีผลกระทบกับทุกๆ คน ในทุกๆ เรื่องจริงๆ ตั้งแต่แรกเกิดจนไปจนถึงการสิ้นสุดของอายุขัยของเราทุกคนนั่นเอง…
หากมองไปในระดับโลกอย่าง การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจของโลก การเลือกตั้งทุกๆ ครั้งจะมีผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจเสมอ ไม่ว่าใครจะได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีก็ตามทั้งในอดีตและปัจจุบัน และอดีตเมื่อเร็วๆ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ (พรรคริพับลิกัน) ก็ส่งผลกระทบไปทั่วโลกหลายอย่างรวมทั้งประเทศไทยด้วยทั้งการเมืองและเศรษฐกิจในหลายๆเรื่อง และ เมื่อ 20 ม.ค. 64 ที่ผ่านมาก็มีการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ นของ “โจ ไบเดน” (พรรคเดโมแครต) ประธานาธิบดี คนที่ 46 อย่างเป็นทางการแล้วหลังชนะเลือกตั้งที่ผ่านมา นโยบายของเขาก็ย่อมจะมีผลกระทบกับโลกและประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ที่นักวิชาการชื่อดังได้วิเคราะห์ไว้ เช่น การให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมโลก สิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงาน และการคุ้มครองทรัพย์สินฯ รวมทั้งด้านการค้าและเศรษฐกิจกลุ่มเอเชียแปซิฟิกด้วย อีกทั้งยกเลิกนโยบายเก่าของทรัมป์หลายเรื่อง… ต้องติดตามว่าจะกระทบต่อประเทศไทยเรื่องอะไรบ้างนี่คือความจริงที่ต้องเข้าใจกับผู้นำมหาอำนาจคนใหม่…
ส่วนด้านการเมืองระดับท้องถิ่นในประเทศไทยเราเมื่อ 20 ธ.ค.’63 ที่ผ่านมาประเทศเรามีการเลือกตั้ง นายกอบจ. และ สอ.บจ. (สจ.) ไปแล้ว ใครเป็นใคร..อย่างไร คงรู้ผลเป็นทางการและยินดีกันไปแล้ว สำหรับผู้สมหวังส่วนผู้พลาดหวังก็ต้องหาทางสู้ใหม่… “การแพ้ครั้งแรกในการแข่งขันมิใช่ว่าเราจะแพ้ไปตลอดกาล…ต้องพยายามลุกขึ้นมาสู้ใหม่เพราะ “ชัยชนะ’นั้นรออยู่แล้วถ้าใครมีความมุ่งมั่น..ตั้งใจ”..!!
ราวกลางเดือน ม.ค. ปีนี้ ครม.รัฐบาลยุคนี้ได้มีการประกาศออกมาแล้วว่า จะให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือ เลือก นายกเทศมนตรีและสภาเทศบาล ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่อจากการเลือกตั้ง อบจ.และสจ.ที่ผ่านมา ซึ่งคราวนี้เป็น ระดับเทศบาล ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วประเทศ ดังนี้ เทศบาล จำนวน 2,472 แห่ง แบ่งเป็นเทศบาลนคร 30 แห่ง เทศบาลเมือง 195 แห่ง และเทศบาลตำบล 2,247 แห่ง โดย กกต.กำหนดวันรับสมัครเลือกตั้ง 8-12 กุมภาพันธ์ ‘64 เลือกตั้งในวันที่ 28 มีนาคม ‘64 (หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง) ส่วน การเลือกตั้ง อบต.จะประกาศในภายหลัง รวมทั้ง “อปท.แบบพิเศษ” เช่น กทม.และเมืองพัทยา เพื่อความเป็นอิสระ (Autonomy) ของ อปท. ในด้านการบริหารด้านต่างๆ นั้นยังไม่พร้อมประกาศเลือกตั้งต้องรอต่อไป
สำหรับที่อำเภอเมืองเชียงรายนั้นเป็นพื้นที่ “เทศบาลนคร (เชียงราย)” จะเลือกนายกฯ 1 คนในบัตร 1 ใบ แต่การเลือกสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) จะแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 4 เขต เลือกได้เขตละ 6 คน การเลือกตั้งครั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 (หากมีความรุนแรง) กกต.อาจพิจารณาที่จะขยายวันลงคะแนนเลือกตั้งตามอำนาจ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 11 วรรค 3 กำหนดว่า กกต.อาจมีคำสั่งให้ร่นหรือขยายเวลาให้มีการจัดการเลือกตั้งได้ตามความจำเป็นที่อาจเกิดได้ในอนาคต
สำหรับตำแหน่ง “นายกเทศมนตรี” มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี และจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้ แต่กรณีอยู่ในตำแหน่งไม่ครบ 4 ปี ก็ให้ถือเป็น 1 วาระ หากได้ดำรงตำแหน่งในวาระที่ 2 ติดต่อกัน จะสามารถกลับมาดำรงตำแหน่งได้อีกเมื่อพ้นระยะเวลาไปแล้ว 4 ปี นับตั้งแต่พ้นตำแหน่ง
การเลือกตั้งครั้งนี้ หรือครั้งไหนๆ ในระดับท้องถิ่น ไม่ว่าระดับ อบจ. เทศบาล และ อบต.ล้วนเป็นเรื่องที่ใกล้ชิดกับประชาชนในท้องถิ่นโดยตรงและผู้ได้ประโยชน์จะเป็นคนในท้องถิ่น จังหวัด ตัวเมือง ตำบล และหมู่บ้านนั้นๆโดยตรง ดังคำกล่าวที่ว่า“อปท.ท้องถิ่น โดยคนท้องถิ่นและเพื่อประโยชน์คนท้องถิ่น” เพื่อให้มีเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้นจริงๆ…ใครจะเป็น”นายกเทศมนตรีฯคนต่อไป” แต่ละแห่งจะเป็นใคร…คนในท้องถิ่นนั้นๆ ย่อมดูกันออก…บอกกันได้อยู่แล้ว….
การออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง….และการมีจิตสำนึกทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่น…จึงเป็นหัวใจของการเมืองท้องถิ่นที่สำคัญยิ่ง…!!?
