คอลัมน์ » “กว่าจะมาเป็น……แพทย์” (ตอน2)

“กว่าจะมาเป็น……แพทย์” (ตอน2)

6 มกราคม 2021
585   0

ผมเขียนบทความ “กว่าจะมาเป็นแพทย์” สองตอน ด้วยความหวังว่าจะช่วยเตือนสติให้แพทย์ทุกคนคำนึงถึง “ชีวิตแพทย์ที่มีคุณค่า” เพราะไม่รู้หรอกว่าอีกนานเท่าไหร่จะได้มาเกิดเป็นคนอีก และมาเกิดเป็นแพทย์ที่มีโอกาสช่วยเหลือชีวิตคนอื่นด้วย แล้วทำไมแพทย์ถึงปล่อยให้โอกาสดีๆอย่างนี้ผ่านไปครับ

ผมเริ่มรับราชการกระทรวงสาธารณสุขที่โรงพยาบาลเบตง พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นรพ.ทั่วไปขนาด 150 เตียง ขณะนั้นมีแพทย์ 4 คน (รวมผอ.) ผมเป็นคนที่ 5 น้องเล็กสุด ระดับซี 4 ที่เหลือเป็นระดับซี 7 ทั้งหมด ผอ.คือนพ.มนตรี เศรษฐบุตรและพญ.นุจินต์ ภรรยาเป็นกุมารแพทย์ (house staff ที่รพ.เด็ก) พี่เกรียงศักดิ์ ภู่พัฒน์ เป็นสูติแพทย์ (house staff ที่รพ.หญิงหรือรพ.ราชวิถีในปัจจุบัน) และมีพี่สุนิดา อิสรางกูร ณ อยุธยา เป็นแพทย์ทั่วไป สมัยนั้นเราอยู่กันแบบพี่ๆน้องๆ ออกตรวจคนไข้นอกร่วมกัน ใครมีคนไข้ผ่าตัดก็เข้าห้องผ่าตัด มีธุระอะไรก็ฝากวานกันได้สำหรับเวรนอกเวลาและวันหยุดราชการผลัดกันอยู่เวร ค่าเวรได้วันละ 150 บาท (ต่อ16-24ชม.) ผมในฐานะน้องคนเล็กไม่เปิดคลินิก รับอาสาอยู่เวรในช่วงที่พี่ๆทำคลินิก มีอะไรรีบด่วนตามได้ทุกเวลาโดยไม่มีค่าตอบแทน (ทุกเย็นผมจะเล่นกีฬา ออกกำลังกายในรพ.ตั้งชมรมวอลเล่ย์บอล ตะกร้อลอดบ่วง) พี่ๆจึงให้ความรักและเอ็นดูมาก ทำให้รู้สึกอบอุ่นไม่เหงาแม้จะอยู่ไกลจากบ้านมาก ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้องนี้จะเป็นพื้นฐานให้แพทย์จบใหม่รู้สึกปลอดภัย มีความมั่นใจในการดูแลรักษาคนไข้ดีขึ้น เพราะอุ่นใจที่มีพี่ๆเป็นที่ปรึกษาได้ทุกเวลา

ผมจำได้ว่าในฐานะน้องเล็กมีปัญหาอะไรก็จะปรึกษาพี่ๆเสมอ พี่ทุกคนพร้อมให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในด้านการทำผ่าตัดหรือหัตถการ ผมเป็นคนชอบทำผ่าตัด เมื่อตรวจคนไข้นอก (โอพีดี) หมดจะแวะไปเยี่ยมคนไข้ในหอผู้ป่วยซึ่งแบ่งเป็นหอผู้ป่วยหญิง-ชายและตึกเด็ก ผมจะดูคนไข้ทุกคนไม่ว่าใครเป็นเจ้าของไข้ก็ตาม เมื่อพบอาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง จะรายงานแพทย์เจ้าของไข้เพื่อให้การรักษา พี่ๆจะให้คำปรึกษาพร้อมสอนถึงแนวทางการรักษาที่ควรจะเป็น ในรายที่ต้องทำผ่าตัด ปกติก่อนผมมา พี่เกรียงศักดิ์ทำหน้าที่เป็นศัลยแพทย์ เมื่อผมมาทำงานแล้วจะอาสาทำผ่าตัด เนื่องจากมีใจรัก มีความมั่นใจเพราะทำผ่าตัดมามาก สมัยเป็นแพทย์ฝึกหัดที่รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ทำผ่าตัดตั้งแต่หัวจรดเท้า อาจารย์บอกว่ามีพรสวรรค์ในการผ่าตัดและขยันอาสาช่วยผ่าตัดแม้ไม่ได้อยู่เวร ทำให้มีประสบการณ์มากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

ช่วงแรกที่มาทำงานโรงพยาบาลเบตง ผมจะขอให้พี่เกรียงศักดิ์เข้าช่วยผ่าตัดทุกรายเพื่อให้เกิดความมั่นใจและพร้อมขอคำแนะนำจากประสบการณ์ของพี่ด้วย จนเกิดมั่นใจในตัวเองและพี่ๆตลอดจนเพื่อนร่วมงานในห้องผ่าตัดต่างก็มั่นใจในตัวผมเช่นกัน จึงเริ่มทำผ่าตัดด้วยตนเอง

สมัยนั้นโรงพยาบาลเบตงห่างจากรพ.ยะลาราว 190 กม.แต่เส้นทางคดเคี้ยวมากใช้เวลาร่วม 3 ชม. เป็นเส้นทางที่ไม่ปลอดภัยเนื่องจากมีขบวนการโจรก่อการร้ายหรือขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดน (ขจก) ดักปล้นหรือทำร้ายบ่อยๆ บางครั้งต้องปิดเส้นทางเป็นสัปดาห์ ทำให้ต้องเปิดห้องผ่าตัดเอง ทำผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่าตัดช่องท้อง (จากอุบัติเหตุหรือพยาธิสภาพเช่นถุงน้ำดีอักเสบ ลำไส้ทะลุจากไทฟอยด์ ม้ามแตกฯลฯ) ผ่าตัดคลอดบุตร ผ่าตัดใส่เหล็กที่ขาจากกระดูกต้นขาหัก ไส้เลื่อน ต่อมลูกหมากโต ครั้งหนึ่งต้องทำผ่าตัดเลือดคั่งในสมองจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ เป็นที่ฮือฮากันมาก มีหลายครั้งเหมือนกันที่เราต้องตัดขาทหารและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากระเบิด สมัยนั้นมีพยาบาลดมยาหรือวิสัญญีพยาบาล2คน การดมยาสลบใช้วิธีใส่ท่อช่วยหายใจหรือใช้อีเทอร์หยดใส่ที่ครอบปากและจมูกเช่นกรณีล้วงรกหรือผ่าตัดเด็กเล็ก  กรณีผ่าตัดบริเวณขานิยมฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลัง ซึ่งแพทย์เป็นคนทำเองแล้วให้วิสัญญีพยาบาลดูแลต่อ 2ปีที่ผมอยู่ทำผ่าตัดมากมายไม่พบว่ามีปัญหาใดๆกับคนไข้ รพ.เบตงจึงเป็นที่พึ่งของประชาชนตลอดจนทหารตำรวจที่บาดเจ็บจากการปะทะกับผู้ก่อการร้าย เพราะการส่งต่อคนไข้เป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากเป็นรพ.ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีทั้งโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายู (จคม.)  ขบวนการแบ่งแยกดินแดน

ครั้งหนึ่งขณะผมเริ่มทำงานได้ไม่นาน มีคนไข้ซึ่งเป็นคนขายบะหมี่ในตลาดมีคนรู้จักมากมาย มาด้วยอาการปวดท้องเฉียบพลัน จากการซักประวัติ ตรวจร่างกายและเอกเรย์ปอดและช่องท้อง ผมให้การวินิจฉัยได้เลยว่าเป็นกระเพาะอาหารทะลุ จำเป็นต้องผ่าตัดโดยด่วน เมื่อผมแจ้งให้คนไข้และญาติทราบปรากฏว่าคนไข้ไม่เชื่อไม่ยอมทำผ่าตัด ผมจึงแจ้งให้พี่เกรียงศักดิ์ช่วยมาพูดกับคนไข้ ด้วย จำได้ว่าพี่มาทันทีเมื่อทราบประวัติ ตรวจร่างกายและดูฟิล์มแล้วบอกกับคนไข้ว่าเห็นด้วยกับผมทุกอย่าง จำเป็นต้องผ่าตัดโดยด่วน ถ้าช้าอาจถึงตายได้ พร้อมกับแนะนำผมว่าเป็นหมอที่จบมาจากกรุงเทพ เก่งมาก มีฝีมือผ่าตัดดี เชื่อถือได้ คนไข้ยังไม่แน่ใจถามว่าการผ่าตัดมีอันตรายไหม ผมจำได้ว่าพี่ตอบว่า “การเดินทางจากเบตงไปยะลา ปลอดภัยหรือเปล่า ไม่มีคนขับแท็กซี่คนไหนกล้ารับรองได้ เพราะมีอันตรายจากผู้ก่อการร้ายดักจี้ปล้นระหว่างทางบ่อยๆ บางครั้งก็ยิงปืนมาจากยอดเขา เส้นทางคมนาคมก็คดเคี้ยวมาก แต่เราก็เดินทางไปกลับเป็นร้อยๆเที่ยวแล้วไม่เห็นเป็นไร การผ่าตัดก็เหมือนกันหมอผ่าตัดทุกวัน คงไม่มีหมอคนไหนกล้ารับรองได้ว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คนไข้ก็ปลอดภัยทุกคน” คนไข้ดูสบายใจขึ้นแต่ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจหรือไว้วางใจในตัวผม พี่เกรียงศักดิ์จึงบอกว่าจะเข้าช่วยทำผ่าตัดด้วย คราวนี้คนไข้ยิ้มได้เลย การผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย พี่เข้าช่วยผ่าตัดจนเสร็จ สอนเทคนิคในการผ่าตัดและกล่าวชมผมตลอดเวลาว่าฝีมือดีมาก คนไข้ตื่น ฟื้นตัวได้ดี ผมแวะไปดูคนไข้หลังผ่าตัดหลายครั้งจนคนไข้รู้สึกตัว ปลอดภัยดี วันรุ่งขึ้นพี่เกรียงศักดิ์ไปดูคนไข้แต่เช้าพร้อมกล่าวยกย่องผมว่าเก่งจริงๆ ฝีมือผ่าตัดเป็นเยี่ยม ตั้งแต่นั้นมาผมได้รับการยอมรับจากคนเบตงมาก ไม่ว่าจะมาตรวจรักษาหรือทำผ่าตัด หลายคนเจาะจงมาหาผม บางคนมาขอร้องให้เปิดคลินิกในตลาด จะไม่คิดค่าเช่าด้วย เพื่อให้สะดวกในการมาหาหมอ หลายครั้งที่ผมไปทานก๋วยเตี๋ยวในตลาดปรากฏว่าไม่ต้องจ่ายเงินเพราะมีคนจ่ายแทนแล้ว

มีคนไข้อีกรายหนึ่งเป็นเด็กแรกเกิด ทานนมไม่ได้ อาเจียนออกหมด คลำพบก้อนที่บริเวณลิ้นปี่ เอ็กซเรย์พบลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า double air sign ซึ่งบอกถึง pyloric obstruction (ช่วงต่อระหว่างกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอุดตัน) ในเวลานั้นไม่สามารถส่งต่อไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางศัลยกรรมเด็กซึ่งมีเฉพาะรพ.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้เพราะผู้ก่อการร้ายอาละวาด พี่นุจินต์เจ้าของไข้ได้ปรึกษาผอ.เพื่อทำผ่าตัดเด็กคนนี้ เพราะถ้าไม่ผ่าตัดเด็กคงเสียชีวิต ผมเปิดตำราในห้องสมุดเรียนรู้วิธีผ่าตัดเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยกันทำผ่าตัด พี่นุจินต์ทำหน้าที่เป็นวิสัญญีแพทย์ ใช้อีเทอร์หยดเพื่อดมยาสลบเด็ก พี่มนตรีผอ.และผมเป็นแพทย์ผ่าตัด เราทำผ่าตัด Pyloroplasty (ผ่าตามยาวเย็บตามขวาง) เพื่อให้อาหารผ่านได้ การผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน ผมมีความรู้สึกว่ามือตัวเองมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับท้องเด็กและอวัยวะในช่องท้อง ทีมเรามีความสุขมากเมื่อการผ่าตัดเสร็จและเด็กฟื้นตัวได้เร็วมาก จำได้ว่าเมื่อไปเยี่ยมเด็กหลังผ่าตัดไม่นาน เด็กทำท่าทางหิวมาก ผมลองแหย่นิ้วที่ปาก เด็กดูดตลอดตลอดเวลา หลังปรึกษาพี่นุจินต์แล้วให้ลองเอานิ้วจุ่มน้ำให้ดูดปรากฏว่าเด็กดูดได้ดีมาก ไม่มีอาเจียน จึงเริ่มให้น้ำได้ ผมจำได้ว่าทุกคนมีความสุขมากที่ได้ช่วยชีวิตเด็ก คนในตลาดต่างร่ำลือกันว่าเป็นหมอเทวดาผ่าตัดเด็กแรกเกิดรอด รวบรวมเงินซื้อตู้อบเด็กให้โรงพยาบาลเบตง ตัวผมเองซึ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะเรียนต่อด้านไหนดี จึงตัดสินใจได้เลยว่าจะเรียนด้านศัลยกรรมเด็ก เพราะเด็กแรกเกิดบางคนโชคร้ายพิการแต่กำเนิด แต่เมื่อได้รับการผ่าตัดรักษาแล้วสามารถมีชีวิตต่อได้เหมือนคนปกติ ในขณะนั้นแพทย์ด้านนี้ขาดแคลนมากจะมีเฉพาะในโรงเรียนแพทย์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามแม้ผมจะสมัครเรียนศัลยกรรมเด็กที่รพ.เด็กโดยทุนของรพ.ลำปาง แต่ชะตาชีวิตผกผันไม่ได้เรียนตามที่ตั้งใจ ต้องเปลี่ยนแผนไปเรียนสูตินรีแพทย์ที่รพ.ราชวิถีแทน เมื่อเรียนจบได้ทำงานเป็นสูตินรีแพทย์ประจำรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ไปทำงานไม่ถึงปีทางรพ.ราชวิถีจะขอตัวให้ไปเป็นอาจารย์แต่ทางรพ.เชียงรายฯไม่ยอม ถ้าไปจะต้องลาออกจากราชการ ใช้เงินทดแทนทุนที่เอาไปเรียนต่อแล้วสมัครรับราชการใหม่ที่รพ.ราชวิถี ผมจึงเปลี่ยนความตั้งใจใหม่ ในใจคิดว่าเป็นแพทย์ที่ไหนก็มีประโยชน์ต่อคนไข้เช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขาดแคลน

ทำงานครบปีรพ.เอกชนมีชื่อในกรุงเทพฯทาบทามให้ไปทำงานโดยเสนอเงินเดือนขั้นต่ำมากกว่าราชการในขณะนั้นถึง20เท่า บอกด้วยว่ามีโอกาสทำเงินได้เป็นเท่าตัว งานก็สบายกว่าเพราะตรวจคนไข้น้อยกว่า ทั้งยังจะส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศด้วย ผมลองไปดูอยู่สองวันแล้วตัดสินใจเลยว่าไม่ไปเพราะอยู่ที่นั่นตรวจคนไข้วันละสิบกว่าคน แต่อยู่เชียงรายตรวจคนไข้วันละร้อยกว่าคน รู้สึกว่าความรู้ที่เรียนแพทย์มาร่วมสิบปีได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่ากว่า เป็นชีวิตที่มีคุณค่ามากกว่าแม้จะได้มูลค่าตอบแทนน้อยกว่า

ผมจะมองเพื่อนแพทย์ที่ทำงานรพ.เอกชนเป็นเพื่อนร่วมงานเหมือนกัน ช่วยแบ่งเบาคนไข้ที่พร้อมจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่สูงกว่าไปส่วนหนึ่ง ทำให้เรามีเวลาดูแลคนไข้ที่เหลือมากขึ้น ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมวิชาชีพและเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาชีวิตคนไข้ การทำงานเป็นทีมต้องอาศัยความจริงใจ การให้เกียรติและเรียนรู้ซึ่งกันและกันเป็นสำคัญ งานของเราจึงจะสำเร็จสมบูรณ์ งดงาม งานของพวกเรานั้นไม่เหมือนอาชีพอื่นเพราะชีวิตคนนั้นไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้

ผมเขียนบทความนี้เพื่อให้แพทย์รุ่นน้องได้เรียนรู้ถึงการเป็นแพทย์ในสมัยเมื่อ 40 ปีก่อน ที่มีความรักความสามัคคีระหว่างแพทย์และเพื่อนร่วมงานเป็นสำคัญ ผมได้เรียนรู้เป็นครั้งแรกในหลักการเป็นผู้บริหารที่ดี มีธรรมาภิบาล จากพี่มนตรี เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง ได้รู้จักการทำงานเป็นแพทย์ที่ดีของ

คนไข้และเพื่อนร่วมงาน การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีตลอดจนการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงจากแพทย์รุ่นพี่ๆโดยไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้ค่อยๆซึมซับเข้าไปในสายเลือดจนเป็นนิสัยติดตัวถึงปัจจุบัน

ผมไม่ต้องการให้อาชีพแพทย์ที่สังคมยกย่องให้เกียรติต้องเปลี่ยนแปลงไปเพียงเพราะว่าสังคมมีการเปลี่ยนแปลง เป็นระบบทุนนิยมวัตถุนิยม ในขณะที่ทุกคนต่างดิ้นรนเพื่อหาเงินมาปรนเปรอความสุขทางวัตถุให้กับตัวเองและครอบครัวแต่สำหรับแพทย์และสถาบันทางการแพทย์จะต้องยืนหยัดในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ความดีงาม ความมีเมตตากรุณา เพราะเรามีหน้าที่ดูแลชีวิตคน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดไม่ว่าจะเป็นชีวิตของใครก็ตาม

ผมขอขอบพระคุณแพทย์รุ่นพี่ที่เป็นตัวอย่างในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่ควรเอาเป็นแบบอย่างหรือการกระทำบางอย่างที่ไม่เหมาะสมไม่ควรปฏิบัติตามผมขอให้แพทย์รุ่นหลังช่วยกันรักษาสิ่งดีงามนี้ไว้โดยปฏิบัติตามตัวอย่างที่ดีๆให้คงอยู่ตลอดไป คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยมีประสิทธิภาพ พวกเราก็จะทำงานอย่างมีความสุข

แม้ว่างานจะหนักเพียงใด……..เราก็ยังยิ้มได้

“ขอบคุณที่เป็นคนดี”



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า