คอลัมน์ » เล่าเล่นๆ เป็นธรรมทาน… ยังคงอยู่ที่ร่างทรงค่ะ

เล่าเล่นๆ เป็นธรรมทาน… ยังคงอยู่ที่ร่างทรงค่ะ

6 มกราคม 2021
801   0

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภพเป็นไฉน ภพสามเหล่านี้คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ นี้เรียกว่าภพ

ครั้งนี้ เราจะพูดถึงแต่กามภพกันค่ะ กามภพแบ่งเป็น 2 ภูมิใหญ่คือ อบายภูมิคือภูมิชั้นต่ำ ที่นี่ มีแต่ทุกข์ล้วนๆ หาสุขไม่ได้มีทั้งหมด 4 ภูมิ มีนรก เปรต อสุรกายและเดรัจฉาน ส่วนสุคติภูมิ หมายถึงภูมิที่มีความสุขอยู่บ้าง แบ่งเป็น 2 ภูมิใหญ่ๆ คือมนุษยภูมิและเทวภูมิ

ครั้งก่อนเราพูดถึงคนที่ต้องถูกบังคับใช้ร่างเพื่อการสื่อสารกับคน ที่เรียกว่าร่างไปแล้ว ครั้งนี้ เราจะมาพูดถึงสิ่งที่ต้องการสื่อผ่านร่างที่เรียกว่าเจ้าเข้าทรงกันนะคะ หลายคนเข้าใจว่าสิ่งที่มาสื่อสารกับตนโดยผ่านร่างนั้นคือเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งตามที่เขาอ้างถึง นี่หมายถึงร่างนั้นถูกวิญญาณใดหนึ่งอาศัยคนเป็นร่างเพื่อสื่อความหมายกัน ให้ความเชื่อถือ ให้ความเคารพบูชาด้วยอามิสคือเครื่องเซ่นตามที่เขาเรียกร้อง นี่ เราจะมาพูดถึงเจ้าเข้าทรงกัน

ในส่วนของมนุษยภูมินั้น มีหลายสิ่งที่เราเข้าไม่ถึงอาจเพราะไม่รู้หรือรู้ไปไม่ถึง จนหลายคนเห็นเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระไปเลยก็มี แต่หลายคนบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เพราะหลายครั้งที่เกิดเหตุบางอย่างที่หาเค้าเงื่อนหาเหตุผลมารองรับไม่พบ แต่ก็ปรากฏว่ามีอยู่จริงๆ จนไม่กล้าที่จะปรามาสในสิ่งที่ไม่มองเห็นว่ามีจริงหรือไม่มีจริง

มนุษยภูมินั้น ถูกจัดเข้าไปในภูมิของสุคติภูมิ แต่จริงหรือ

ในภูมิมนุษย์ เรายังเห็นเดรัจฉานที่เป็นหนึ่งในเหล่าอบายภูมิอยู่ปนเปกันไปด้วย นี่ไง เครื่องแสดงว่า เกิดเป็นมนุษย์ก็ยังมีทุกข์ของเหล่าเดรัจฉาให้ได้เห็น ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ก็แสดงว่าอย่างไรก็หนีทุกข์ไม่พ้น แล้วในส่วนที่เรามองไม่เห็นละ จะปะปนอยู่สักแค่ไหน ยากที่เราจะรู้ได้ แม้อบายภูมิและสุคติภูมิจะแยกกันชัดเจน แต่ก็ใช่ว่า ทุกดวงวิญาณเมื่อตายไปแล้ว จะจากไปตามวิถีทำดีได้ไปสวรรค์ ทำชั่วก็ไปสู่นรก เปรต อสุรกกายและเดรัจฉานตามนั้น เพราะความยึดติดบางประการของดวงวิญญาณทำให้เขาไม่รู้ทางไปและกรรมอันใดๆก็ยังไม่สามารถให้ผล จนกว่าจะถึงเวลาหรือจนกว่าดวงวิญญาณเหล่านี้จะมีสติระลึกรู้ได้

ดังนั้น ในภพภูมิของมนุษย์นั้นจึงมีวิญญาณเรร่อน วิญญาณตกค้างที่อยู่มานับพันปีก็ยังไม่ไปไหนเพราะความยึดติดในที่ดินทรัพย์สินบ้าง ยึดติดในความมุ่งหวังบางอย่างบ้าง สิ่งมีชีวิตในภพภูมิทั้ง 3 นี้ คือกามภพ รูปภพและอรูปภพ ต่างเวียนว่าย ตาย เกิด หมุนเวียนกันอยู่ในนี้ แล้วแต่กรรมใดจะเป็นตัวนำส่ง ทำดีก็มีสุคติภูมิเป็นเครื่องรองรับ ทำไม่ดีก็มีอบายภูมิเป็นที่ไป สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกรวมกันว่า สัตว์ หรือ สัตตานัง แปลว่าผู้ข้องอยู่ หรือผู้ยึดติดอยู่ ดังนั้น สัตว์ผู้อยู่มานานนับพันปี ได้เห็นเหล่ามนุษย์และสัตว์ต่างเวียนว่ายตายเกิดจากภูมินี้สู่ภูมินั้น ได้เห็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องของผู้คนที่ผ่านไปมาตายจึงมีความรู้พอจะบอกได้ว่าเขาเหล่านั้นไปที่ไหน สุข ทุกข์ อย่างไร นี่คือโอกาส ที่จะทำให้ดวงวิญญาณเหล่านี้ใช้เป็นช่องหากิน หาเครื่องบัดพลีสังเวยให้ตนด้วยการตั้งตนแอบอ้างเป็นองค์เทพ นั้นนี้ ตามแต่จะคิดได้ มนุษย์หรือคนผู้ไม่รู้จึงตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

ไม่มีเทพเจ้าหรือพรหมองค์ใดหรอกที่จะมายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ให้รัศมีมัวหมอง และธรรมดาเหล่าเทพย่อมหลงเพลินในความสุขจึงไม่มีเวลาจะนึกถึงโลกมนุษย์ว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนพรหมก็อยู่ด้วยปิติธรรม มีอุเบกขาเป็นที่ตั้ง ย่อมไม่ยุ่งเกี่ยวกับกรรมของผู้ใด ดังนั้น เหล่าเจ้าเข้าทรงทั้งหลายจึงมีแค่เหล่าดวงวิญญาณตกค้างด้วยความหลงติดเท่านั้น จะหวังพึ่งพาเป็นสรณะนั้นจึงมองไม่เห็นทาง จะเป็นได้ ผู้ใดหลงเข้าไปในวังวนนี้มีแต่จะพาตนเข้าไปสู่ความเสื่อมได้ในที่สุด จึงไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเป็นอย่างยิ่ง

กฎแห่งกรรมนั้นเที่ยงธรรมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกระทำกรรมใดแล้ว ผลคือวิบากย่อมติดตามไปดังเงาตามตัว การจะพ้นกรรมได้ก็มีแต่อโหสิกรรมให้แก่กันหรือยินยอมชดใช้กรรมนั้นไปแล้วไม่สร้างกรรมใหม่เพิ่มมาอีกเท่านั้น ไม่มีเทพเจ้าองค์ไหนจะมาช่วยให้พ้นได้เลย นี่คือความจริงที่เรียกว่าสัจจธรรม



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า