ในปัจฉิมวัยแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อใกล้จะถึงกาลเข้าสู่ปรินิพพาน พระองค์จะทรงเทศน์โปรดแต่อนุปุพพิกกถา ใครมาเข้าเฝ้าก็จะเทศน์อนุปุพพิกกถา อนุปุพพิกกถาเป็นการปูพื้นฐานความเข้าใจในการเข้าถึงธรรมอันสูงยิ่งๆขึ้นไป เป็นบทที่ว่าด้วยอานิสงส์แห่งทาน ศีล สวรรค์และความสุขที่ยิ่งไปกว่าสวรรค์นี้เป็นการกล่าวจากเบื้องต้นถึงเบื้องปลายได้อย่างง่ายดาย แม้พระยศกุลบุตรก็ทรงเทศน์โปรดและเข้าถึงธรรมด้วยบทนี้
ในปัจจุบันเราจะรู้จักกันแต่ว่าใจความสำคัญของพระพุทธศาสนาคือ ทาน ศีล ภาวนา โดยไม่ได้กล่าวไปถึงเรื่องอนุปุพพิกกถา ซึ่งให้รายละเอียดในคำสอนหายไป และผู้ที่เข้ามาศึกษาไม่ลึกพอปฏิเสธว่า นี่เป็นของศาสนาอื่น ในคำสอนของพระพทธเจ้าไม่มีอย่างนี้. วันนี้เราจะมาดูเรื่องอนุปุพพิกถากันนะคะ
อนุปุพพิกกถามีสาระสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ ทานกถา กล่าวถึงการให้ทานและอานิสงสน์ของการให้ทานว่านำมาซึ่งความสุขสมบูรณ์ สีลกถากล่าวถึงการรักษาศีลและอานิสงสน์ของการรักษาศีลเหมือนเวลาที่เรารับศีลจากพระท่านจะจบลงที่ สีเลนโภคสัมปทา สีเลนนิพพุงยันตินั่นละค่ะ ต่อมาว่าด้วยสัคคถกา เป็นเรื่องของสวรรค์ว่ามีความสุขความเจริญอย่างไร ผู้ที่จะเข้าถึงที่นั่นจะต้องทำอะไรไว้ก่อน นั่นคือผลของการให้ทานและรักษาศีลนั่นเอง กามาทีนวกถา กล่าวถึงส่วนเสีย ข้อบกพร่องรวมถึงผลร้ายของกามา หรือกาม. อันไม่ควรไปหลงไหลได้ปลื้ม ไปจนถึงการรู้จักที่จะหน่ายถ่ายถอนตนออกจากกาม กามาในที่นี้หมายถึงความหลงติดในรูปสวย เสียงเพราะ รสอร่อย กลิ่นดี ล้วนจัดเป็นกามาทีนวทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ในทางธรรมถือเป็นเครื่องล่อให้หลงติด หลงเพลิดเพลินอยู่ในกองทุกข์แห่งวัฏฏสงสารทั้งสิ้น สุดท้ายเนกขัมมานิสังสกถา กล่าวถึงอานิสงส์แห่งความออกจากกาม กล่าวถึงผลดีของการไม่หมกมุ่นเพลิดเพลินติดอยู่ในกามและให้มีฉันทะที่จะแสวงหาความดีงามและความสุขสงบที่ประณีตยิ่งไปกว่านี้
หากทรงเล็งเห็นว่าผู้รับธรรมในที่นั้นมีอุปนิสัยพร้อมที่จะบรรลุธรรมสมเด็จพระผู้มีพระภาคจึงจะแสดงธรรมที่ว่าด้วยอริยสัจ เพื่อการบรรลุธรรมพิเศษสูงสุดต่อไป นั่นคือการทำให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ คือนิพพานนั่นเอง
จากส่วนที่หายไปคือสัคคกถา คือการกล่าวถึงสวรรค์และความสุขความเจริญของของสวรรค์ซึ่งเป็นที่รองรับการไปคือหลังความตายของบุคคลที่กระทำความดี มีการให้ทาน มีการรักษาศีลมาดีแล้วนี้ ทำให้คนรุ่นต่อมาปฏิเสธความมีอยู่ของสวรรค์ ปฏิเสธชีวิตหลังความตายว่าไม่มีอยู่จริง แถมบอกว่า ในพุทธศาสนาไม่มีคำสอนนี้ แถมนำมาทับถมกันอีกมากมาย อันนำมาซึ่งความเสื่อมถอยที่จะกระทำความดีต่อไป
ดังนั้น ก่อนจะถกเถียงอย่างไรต่อกัน ควรศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน ไม่ใช่เข้าไปศึกษาพระไตรปิฏกแล้วเลือกเฟ้นเอาแต่ข้อธรรมที่ถูกจริตตนแล้วปฏิเสธส่วนที่ตนไม่ชอบไม่ศรัทธาว่านี่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า นี่ไม่ใช่พุทธแท้ อันจะพาให้ผู้ที่ศรัทธาตนพลอยเกิดการปรามาสธรรมไปกับตนด้วย วิสัชนามาถึงตรงนี้ อยากบอกว่าปีใหม่ที่จะถึงนี้ ขอความดีอันท่านปฏิบัติดีแล้วจงเป็นเครื่องคุ้มครองทุกท่าน ขอให้ท่านได้พ้นจากที่ทุกข์เข้าสู่ที่อันสุข อันเจริญทุกท่านนะคะ