
ฤดูการท่องเที่ยวของไทยเริ่มขึ้นแล้ว…ตามปฏิทินนั้นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยช่วงดังกล่าวนี้สภาพอากาศจะเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส และปลอดจากฝนฟ้าพายุ ทั่วทุกภาคของประเทศจึงเหมาะกับการเดินทางไปท่องเที่ยวที่สุด
แม้จะเป็นภาคใต้ ที่มีจุดขายการท่องเที่ยวทางทะเล โดยเฉพาะฝั่งอันดามันที่น้ำทะเลสงบ ช่วงนี้จะปลอดมรสุมด้วย จึงเหมาะต่อกิจกรรมกลางแจ้งของนักท่องเที่ยวอย่างยิ่ง
ในส่วนของภาคเหนือแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะมีอากาศหนาวเป็นจุดขายตายตัวอยู่แล้ว การท่องเที่ยวในประเทศมุ่งสู่ภาคเหนือกันคึกคัก ไม่ว่าท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือธรรมชาติภูผาป่าเขา ความนิยมไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ปีนี้สัญญาณอากาศหนาวชักไม่ค่อยเป็นใจ !!
เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศปี 2568 ว่าจะเริ่มเข้าหนาวตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม และสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ปีนี้นอกจากหนาวมาช้าแล้ว จะหนาวน้อยและหนาวสั้นกว่าปีก่อน
ที่ว่าหนาวมาช้านั้นเรายังต้องเจอฝนจนเกือบกลางเดือนพฤศจิกายน !!
และนี่คือคำยืนยัน….
นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่าฤดูหนาวปี 2568 ที่จะมาถึงมีแนวโน้มว่าอุณภูมิต่ำสุดเฉลี่ยสูงกว่าปีที่ผ่านมา ในปีนี้ประเทศไทยได้รับความชื้นจากทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ส่งผลให้สภาพอากาศในช่วงปลายปี 2568 ถึงปี 2569 เย็นลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฤดูหนาวก่อนหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ปกติจะได้รับอิทธิพลจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน
ในปีนี้ อาจมีฝนตกต่อเนื่องถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้การเริ่มต้นฤดูหนาวอย่างเป็นทางการของปีนี้ อาจมาช้ากว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยปีก่อนฤดูหนาวเริ่มอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม แต่ประชาชนสามารถสัมผัสอากาศหนาวเย็นได้ในช่วงกลางเดือนตุลาคม โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อาจเริ่มมีอุณหภูมิเย็นลงในบางจุด บางพื้นที่ และอาจมีอากาศเย็นพร้อมฝนตกในบางวัน
ฤดูหนาวปีนี้ในส่วนของอุณหภูมิอาจร้อนกว่า หรือไม่แตกต่างจากปีก่อนมากนัก!!
แต่จะมีระยะเวลาที่สั้นกว่า โดยในปีก่อนอากาศหนาวเย็นเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 วัน แต่ในปีนี้อาจลดเหลือ 2-3 วันโดยอาจจะหนาวเย็นเพิ่มในช่วงเดือนธันวาคมเป็นต้นไป
พื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากฤดูหนาวปีนี้ได้แก่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ยกเว้นหากมวลอากาศมีความแรงเพิ่มขึ้น ทางภาคอีสานตอนกลาง และภาคกลาง อาจสัมผัสถึงความเย็นได้
อย่างไรก็ดี กรมอุตุฯเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมืออากาศที่แปรปรวน โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู ซึ่งอาจมีอากาศหนาวบางวัน สลับกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว รวมถึงระวังเรื่องอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ ให้ระมัดระวังเรื่องผลผลิตทางการเกษตรบางประเภท โดยเฉพาะพืชผักเมืองหนาว ที่ต้องการอุณหภูมิต่ำต่อเนื่องเพื่อให้ผลผลิตสมบูรณ์ โดยขอความร่วมมือประชาชนติดตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด รวมทั้งดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยหนาว
ว่ากันเรื่องอากาศยาวหน่อย เพราะการท่องเที่ยวบ้านเรามันอิงกับความหนาว !!
และเมื่อย่างเข้าหน้าหนาวคราวใด ผู้คนแต่ละภาคใจจดใจจ่ออยู่กับตัวเลขอุณหภูมิในแต่ละวัน วันนี้ลดเท่าไหร? พรุ่งนี้ลดเท่าไหร่? แต่ละองศาที่ลดลง เหมือนไปกระตุ้นต่อมความต้องการของคนในภาคอื่นๆ ให้อยากไปสัมผัสความหนาวนั้นสักครั้งในชีวิต
มันเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง เกิดโปรแกรมท่องเที่ยวในวันหยุดยาว เพื่อมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ !!
เราจะคว้าโอกาสจากลมหนาวที่มาถึง ดึงนักท่องเที่ยวเข้าบ้านได้อย่างไร ??
ไม่ใช่คอยแต่ชะเง้อดูนักท่องเที่ยวมุ่งสู่ดอยอินทนนท์สัมผัสเหมยขาบ, ลมหนาวไม่ได้แผ่ซ่านแค่งานศิลปะที่อุทยานราชพฤกษ์ หรือการไปดูเขาแข่งฟอร์มูล่าม้ง, คอนเสิร์ตในไร่ทานตะวัน ฯลฯ แล้วนั่งจิบกาแฟอิจฉายอดจองโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ที่ทะลุเป้าในบ้านคนอื่น
เชียงรายเราก็มีศักยภาพพอ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวและบุคคลากร แต่ที่ยังไม่ค่อยทัดเทียมบ้านอื่นเมืองอื่นเขา อาจเพราะโดนโคลนจากน้ำท่วมที่ผ่านมาถมทับอยู่ก็ได้ ??
ธุรกิจในวงจรท่องเที่ยวเฝ้ารอโอกาสการมาถึงของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ การเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ครั้งรอง ที่ผ่านมาอาจทำให้คนมาท่องเที่ยวบ้านเราลดลงไปบ้าง แต่สิ่งอื่นๆที่เรามีอยู่ไม่ว่าธรรมชาติ-ศาสนา-ศิลปะ-วัฒนธรรม เราไม่ได้น้อยหน้าจังหวัดใดในภาคเหนือด้วยกัน
นอกจากอานิสงส์จากสายลมหนาวของฤดูกาลแล้ว ทำอย่างไร?นักท่องเที่ยวจะมองเห็นสิ่งล้ำค่าดังกล่าวของบ้านเรา…เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคิด !!
