วันแรกของการเปิดรับสมัครชิงชัยนายกเทศมนตรีนครเชียงราย (31 มี.ค.68) บรรยากาศการสมัครรับเลือกตั้งเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางกองเชียร์มาให้กำลังใจทั้ง 2 ฝ่าย คือทีมของนายวันชัย จงสุทธานามณี ตัวเต็งในการเลือกตั้งครั้งนี้ และทีมของนายศราวุธ สุตะวงค์ คู่แข่ง
โดยก่อนเวลาเปิดรับสมัคร ได้มีผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงราย จำนวน 2 คน เดินทางมาก่อนเวลา จึงต้องมีการจับสลากหมายเลข ซึ่งผลการจับฉลาก นายวันชัย จงสุทธานามณี อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้เบอร์ 2 ส่วนนายศราวุธ สุตะวงค์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ได้เบอร์ 1
นายวันชัย จงสุทธานามณี อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่าขอโอกาสสานต่องานเพื่อให้เชียงรายเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะปัจจุบันเชียงรายต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม (Climate Changes) ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และความถดถอยทางเศรษฐกิจ เชียงรายต้องการภาวะผู้นำที่ต่อเนื่อง และมีประสบการณ์ จึง “ขออาสาชาวเชียงรายเพื่อให้เชียงรายเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมรับมือกับทุกวิกฤตการณ์”
ด้านนายศราวุธ สุตะวงค์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งพรรคประชาชนให้การสนับสนุน กล่าวว่าขอโอกาสในการซ่อมเชียงรายเพราะ “ความทุกข์ของพี่น้องประชาชน ความอัดอั้นตันใจที่ยังไม่ได้แก้ไข ปัญหาอุปสรรคที่เสนอแนะให้ผู้บริหารยังไม่ได้รับการดูแล” จึงขอใช้ประสบการณ์ในการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนของตนลงสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้เพื่อทำการ “ซ่อมเชียงราย”
ปัจจัยสำคัญของการเลือกตั้งในครั้งนี้อยู่ที่จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือ voters turnout ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสนามการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีผู้มาใช้สิทธิ์ไม่มากทำให้โอกาสนั้นเอนไปทางฝั่งเบอร์ 2 เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับชุมชนมาหลายปี แตกต่างจากผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งมักจะมีภาพจำจากคนในพื้นที่ว่า “ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตา” ทำให้โอกาสเข้าวินของเบอร์ 2 มีมาก อย่างไรก็ตาม เบอร์1 ก็ยังคงมีโอกาส หากสามารถเกาะกระแสพรรค ดึงคนในโซเชี่ยลมาใช้สิทธิ เช่นนี้ก็อาจจะมีโอกาสอยู่บ้าง
ศึกครั้งนี้จึงเป็นสนามประลองระหว่าง “การเติบโตอย่างยั่งยืน” และการ “เปลี่ยนของเก่าลองของใหม่” เป็นการวัดพลังระหว่าง “พลังชุมชน” และ “กระแสพรรคใหญ่” อยู่ที่ว่าใครจะสามารถหยิบยืมมาใช้จนสามารถจูงใจให้ประชาชนไปใช้สิทธิได้มากกว่ากัน