


สภาองค์กรของผู้บริโภคจังหวัดเชียงราย โดยนายธนชัย ฟูเฟื่อง หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดเชียงราย สภาองค์กรของผู้บริโภค ผนึกภาคีเครื่องข่ายกว่า 16 หน่วยงาน ประชุม “สร้างภูมิคุ้มกัน คนเชียงราย รู้เท่าทันปัญหาผู้บริโภค” โดยมีนายลิขิต มีเสรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เป็นประธานเปิดการประชุมสภาองค์กรของผู้บริโภคจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามบทบาทภารกิจของหน่วยงานประจำจังหวัดเชียงราย สภาองค์กรของผู้บริโภคและร่วมกับหน่วยงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านการคุ้มครองผู้บริโภค สำหรับการประชุม “ผู้บริโภคจังหวัดเชียงราย” โดยมีเครือข่ายและสมาชิกประชุมร่วมกันกว่า 60 คน จากภาคีทั่วจังหวัดเชียงราย รวมถึงจากภาคีสื่อมวลชนในจังหวัดเชียงรายร่วมสังเกตการในการประชุมครั้งนี้

สำหรับการเสวนาได้รับเกียรติจากภาคีอาทิ คุณพงษ์ศักดิ์ นาต๊ะ ผู้ประสานงานโครงการจัดการปัญหายาชายแดนจังหวัดเชียงราย คุณสุทธิดา คูสุวรรณ เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย คุณดวงเดือน กลมาศ ผู้แทนพาณิชย์จังหวัดเชียงราย คุณกีฬารัตน์ ใจกล้า มณีรัตน์ เภสัชกรปฏิบัติงาน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และพ.ต.ท.พิชัย พุทธวงค์ รองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ จังหวัดเชียงราย ร่วยกันแลกเปลี่ยนกลโกงของมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆให้ที่ประชุมได้เฝ้าระวัง รวมถึงป้องกันและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคร่วมกัน ในการเตรียมพร้อมช่วยเหลือให้กับผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีเรื่องร้องเรียนมากมาย โดยเฉพาะด้านการซื้อขายออนไลน์และจากแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ อีกด้วย


สำหรับสภาองค์กรของผู้บริโภคนั้นเป็นหน่วยงานหนึ่งของประเทศไทยถือว่ามีความก้าวหน้ามากในภูมิภาคอาเซียน ที่กำหนดเรื่องการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และมีแนวคิดเรื่อง “องค์กรอิสระ” ที่จะเป็นตัวแทนของผู้บริโภค ทำหน้าที่เสนอความคิดเห็นจัดทำนโยบาย มาตรการเพื่อการคุ้มครอง สะท้อนหลักการสำคัญว่า ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการจัดทำนโยบายและมาตรการเพื่อคุ้มครองตนเอง รวมทั้งเป็นตัวแทนในการให้ความคิดเห็นที่เป็นอิสระ รักษาผลประโยชน์ของทุกคน “เพราะทุกคนคือผู้บริโภค”องค์กรผู้บริโภค มีบทบาทในการสนับสนุนการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคของหน่วยงานรัฐมาเป็นเวลานาน มากกว่า 30 ปี ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ มีบทบาทสนับสนุนให้ผู้บริโภคตื่นตัวและให้คำปรึกษา คำแนะนำการช่วยเหลือผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ เป็นปากเป็นเสียงฟ้องคดีแทนผู้บริโภค พลังของผู้บริโภคในใช้ข้อมูลที่จำเป็นเพื่อตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า และสนับสนุนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม ยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการให้มีคุณภาพมากขึ้น เกิดวัฒนธรรมการเปิดเผยชื่อยี่ห้อสินค้าเปรียบเทียบกัน อย่างไรก็ตาม องค์กรผู้บริโภคก็ยังทำงานได้อย่างจำกัด เนื่องจากงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ประกอบกับจำนวนองค์กรผู้บริโภคที่ยังมีไม่เพียงพอ ขาดการรวมตัวกัน ทำให้ขาดพลังในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคหลังจากแนวคิดเรื่อง “องค์กรอิสระ” ถูกบัญญัติลงในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 องค์กรผู้บริโภคต่างๆ ได้รวมตัวกันรณรงค์และผลักดันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเป็นกฎหมายที่ชัดเจนมากขึ้นใน รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 จนกระทั่งถูกพัฒนาเป็น “สภาองค์กรของผู้บริโภค” ในรัฐธรรมฉบับปัจจุบัน โดยกำหนดให้องค์กรผู้บริโภค รวมตัวกันไม่น้อยกว่า 150 องค์กร เพื่อจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค และให้รัฐสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการ เพื่อเป็นตัวแทนผู้บริโภคและทำงานคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค เพื่อเป็น หู ตา ปาก เสียง ให้ผู้บริโภคก่อนถูกเอารัดเอาเปรียบ ให้ข้อมูล เตือนภัย ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ ให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตอย่างเท่าทัน โดยเฉพาะรูปแบบการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลง ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง และสนับสนุนให้เกิดพลังผู้บริโภคในการสร้างพลังทางสังคม การพัฒนาคุณภาพชีวิต และรวมถึงการเพิ่มอำนาจต่อรองให้ผู้บริโภค เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้มากขึ้น ตามยุทธศาสตร์ของประเทศทั้งนี้ “พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562” ได้ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ซึ่งหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศได้ทยอยกันไปยื่นจดแจ้งสถานะความเป็นองค์กรผู้บริโภคต่อนายทะเบียนกลางและนายทะเบียนจังหวัด ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม กระบวนการจดแจ้งสถานะฯ กินระยะเวลากว่า 1 ปี เนื่องจากความยุ่งยากของเอกสาร การจัดการ การตรวจสอบ และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างหน่วยงาน จนในที่สุดวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ก็มีองค์กรผู้บริโภคที่ผ่านการจดแจ้งครบ องค์กรผู้บริโภคจำนวน 152 องค์กรจึงรวมตัวกันยื่นหนังสือต่อ สปน. เพื่อจัดตั้ง “สภาองค์กรของผู้บริโภค” ขึ้น ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งหลังจากผลักดันเรื่องนี้มากว่า 20 ปี อีกด้วย

