คอลัมน์ » เมื่อเขาจะเปิดบันเทิงกันถึงตี 4 !!

เมื่อเขาจะเปิดบันเทิงกันถึงตี 4 !!

6 พฤศจิกายน 2023
36   0

เจ้าหน้าที่ปกครองบุกจับร้านคาราโอเกะเถื่อนกลางเมืองเชียงราย ลอบค้ากาม เปิดเกินเวลา มั่วสุมยาเสพติด พบพนักงานสาวนั่งดริ้งกว่า 10 คน หนึ่งในนั้นอายุต่ำกว่า 18 ปี ชุดจับกุมช่วยเหลือพันขุมนรกแล้ว !!

กรณีนี้เป็นข่าวเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าตรวจค้นร้านคาราโอเกะดังกล่าว นอกจากพบหญิงสาวคอยให้บริการปรนนิบัติลูกค้ากว่า 10 คนแล้ว ยังพบยาเสพติดเคตามีนจำนวนมากอยู่ในห้องคาราโอเกะ และบริเวณเคาน์เตอร์คิดเงินของร้าน จึงยึดของกลางทั้งหมดและควบคุมตัวเจ้าของร้าน-ผู้จัดการส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ตั้งข้อหา ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, เปิดและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลากฎหมายกำหนด, ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการจำหน่ายและเสพสารเสพติด, แสวงหาประโยชน์ทางเพศกับพนักงานของตนซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี อันเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปนี้

เกริ่นกันด้วยข่าวโรงพักพื้นๆ ที่คนทั่วไปไม่ค่อยให้ความสำคัญกันมากนัก !!

เพราะข่าวเกี่ยวกับการจับกุมสถานบันเทิง ไม่ว่าในบ้านเราหรือพื้นที่ไหนๆมันก็เหมือนๆกัน ถ้าสถานบันเทิงนั้นโนเนม หรือสถานที่ไม่ใหญ่โต หรือไม่มีคนดังปะปนอยู่ในเหตุการณ์จับกุม…ก็มักเป็นข่าวนอกสายตาเสมอ

ยิ่งสมัยเฝ้าข่าวโรงพักยิ่งหลับตาก็นึกภาพออก…พรึบพรับกันเข้าไปทั้งฝ่ายอำเภอ-ตำรวจ-นักข่าว สั่งปิดเพลง…เปิดไฟ

-ตรวจบัตรประชาชนเรียงตัว พบเด็กต่ำกว่า 18 ปีหรือไม่ ?

-ตรวจปัสสาวะ ใครมีสารเสพติดในร่างกายบ้าง ? ค้นหายาเสพติดทุกซอกมุม ในห้องน้ำและที่ลับตา

-เปิดสถานบริการโดยได้รับอนุญาตหรือไม่ ?

-จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือเปล่า ?

ซึ่งส่วนมากก็เข้าข่ายกันแทบทุกข้อ แล้วก็พาตัวเจ้าของ-ผู้ดูแลไปโรงพัก ซึ่ง “โรงพัก” ที่กล่าวนี้คือ สภ.ในพื้นที่นั้นๆ ไม่ใช่ “โรงพัก” ที่ตั้งชื่อพ้องของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน โลกออนไลน์ ???

ถ้ามีเรื่องค้าประเวณีก็พ่วงค้ามนุษย์หนักเข้าไปอีกข้อหา !!

“สถานบันเทิง” วันนี้มาเป็นข่าวบนความสนใจของประชาชนทั่วไปอีกรอบ เพราะรัฐบาลกำลังเล็งจะประกาศขยายเวลาปิดจาก 02.00 น.ไปเป็น 04.00 น. ด้วยเหตุผลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ที่จริงเรื่องนี้เป็นความพยายามมาตั้งแต่ปลายรัฐบาลที่แล้ว… นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมัยนั้นเคยดำหริจะขยายเวลาถึง 04.00 น.ในพื้นที่โชนนิ่ง เช่น ถนนบางลา หาดป่าตองในภูเก็ต กระบี่ พังงา สมุย และเมืองพัทยา และอีกสามพื้นที่ในกรุงเทพฯ คือ ถนนข้าวสาร ซอยคาวบอย และซอยพัฒน์พงษ์ เพราะเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ

แต่ตอนนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.กระทรวงสาธารณะสุข สรุปความเห็นของคณะกรรมการกระทรวงฯ ที่มีมติไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาปิดถึงตี 4 โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการเพิ่มสถิติการเกิดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ และตอนนั้นโควิดยังไม่จาง

สุดท้ายทั้งสองกระทรวงก็พร้อมใจกันเลื่อนวาระนี้ต่อรัฐบาลออกไปก่อน และหันมาสนับสนุน โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” แทน

มาถึงวันนี้… วันเวลาเปลี่ยนไป รัฐบาลเปลี่ยนไป โครงการนี้ถูกหยิบยกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง และมีแนวโน้มว่าจะเป็นจริงเป็นจังมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และจะไม่ขยายเวลาเฉพาะพื้นที่ โชนนิ่งที่เคยระบุในกาลก่อนไม่กี่จังหวัด แต่จะปล่อยผีกันแทบทุกจังหวัด !!!

โดยการเคลื่อนไหว สนับสนุน กันอย่างคึกคักไม่ว่าจาก สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร, นายกสมาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร, ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง, แม้แต่สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย “เมาไม่ขับกลับแท็กซี่” ต่างก็ยกมือและยกหัวใจให้เต็มร้อย

ขณะเดียวกัน นิด้าโพล ออกสำรวจความเห็นประชาชน ระหว่าง 17-19 ตุลาคมที่ผ่านมา จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง ได้ตัวเลข 41.76 % เห็นว่าเปิดถึงตี 2 นั้นเหมาะสมดีอยู่แล้ว เพราะเป็นเวลาที่ไม่ดึกเกินไป ไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของผู้พักอาศัยใกล้กับสถานบันเทิง !!

นี่ยังไม่นับรวมองค์กร ชมรม ที่เกี่ยวข้องออกมา และบุกคัดค้านไปยังรัฐบาลแล้ว

จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ ? กระตุ้นกันตรงเป้าหรือเปล่า ? “นักท่องเที่ยว” ได้ประโยชน์หรือ “นักเที่ยว” ได้เฮ หลายฝ่ายไม่ว่า ตำรวจ นักปกครอง แพทย์ นักวิชาการ ควรหันหน้าเสวนากันให้ทะลุปรุโปร่ง ด้วยเหตุและผล ทั้งลบ-และบวก

เพราะโครงการใดที่ผู้มีอำนาจได้ตั้งธงไว้ก่อนแล้ว ยากที่เสียงนกเสียงกาจะมีความหมาย !!!