คอลัมน์ » ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’…ไปไกลหรือไม่!?

‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’…ไปไกลหรือไม่!?

2 มิถุนายน 2023
195   0

            อดกล่าวชมในฝีมือไม่ได้จริงๆ…เมื่อปลาย พ.ค.ระหว่าง 20-28 พ.ค.ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดเชียงรายและส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “วิจิตร 5 ภาค @เชียงราย” ภายใต้แนวคิด “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” เทศกาล แสง สี เสียง กับเทคนิค Light up / Mapping / Projection 3D / Light installation และสื่อผสมยุคดิจิทัล ที่สะท้อนประวัติศาสตร์ที่เร้นลึกแต่ละสถานที่ 15 แห่ง ที่สำคัญๆ ช่วงเวลา 18.00 . – 24.00 น. เป็นที่ประทับตา ประทับใจ และตราตรึงจิต ของนักท่องเที่ยวและชาวเชียงรายยิ่งนัก…เพราะแต่ละแห่งจะมีแนวคิดที่ต่างกันไปในการใช้แสงและเสียง…ดูแล้วชวนหลงใหล โอกาสต่อไปคงได้ชมเวอร์ชั่นใหม่ๆ จาก ททท. อีกครั้งที่จัดได้สุดยอดและเยี่ยมยุทธมากๆ ….

            ……หันมาเรื่องการบ้านการเมือง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกๆ คน ต้องยอมรับความจริงว่า…. การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นนิรันด์…ย่อมใช้ได้ในทุกๆ เรื่อง หากเข้าใจธรรมชาติและสรรพสิ่งที่ก่อเกิดขึ้นมาในโลก…ก็จะนำมาซึ่งความสุขใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งปวง

            การเมืองเป็นเรื่องการแย่งชิงอำนาจ !…ในการบริหารท้องถิ่นและระดับชาติ..ใคร กลุ่มใด มีเทคนิคและกลวิธีการที่สามารถครองใจประชาชนได้ ถูกที่ ถูกเวลา และถูกใจ ย่อมเป็นที่เชื่อถือ เชื่อมั่น จนกลายเป็นศรัทธาของประชาชน (ยกเว้นพวกที่ใช้วิธีการอื่นฯลฯเข้ามามีอำนาจ)

            การเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เมื่อ14 พ.ค.’66 ที่ผ่านมานั้นมีผู้มีสิทธิออกมาเลือกตั้งจากคนกลุ่มต่างๆจำนวนมากกว่าครั้งก่อน หลากหลายรุ่น หลายเจนฯโดยเฉพาะ ‘คนรุ่นใหม่’ รวมถึงคนรุ่นเก่าฯที่มีความคิดใหม่ที่ทันสมัยทันเทคโนโลยี เป็นดัชนีชี้วัดให้เห็นว่า “ประเทศไทยต้องการเปลี่ยนแปลง” ไปสู่สิ่งที่เชื่อว่าดีกว่าเดิม..จากยุค ‘อนาล็อค’..มาสู่ยุค ‘ดิจิทัล’และก้าวย่างเข้ามาสู่ยุค ‘จักรวาลนฤมิต’ หรือ “เมตาเวิร์ส” (Metaverse) แล้ว (จักรวาลนฤมิต มาจาก “จักรวาล” หมายถึง ปริมณฑล, ขอบเขต, ฝูงชน + “นฤมิต” หมายถึง สร้าง, แปลง, ทำ : ที่มา: wikipedia)

             ผลการเลือกตั้งครั้งนี้พบว่า “พรรคก้าวไกล”ได้รับการเลือกตั้งที่มีเสียงส.ส.มากที่สุดรวม 151 คน รองลงไปเป็น “เพื่อไทย” ได้ ส.ส.รวม 141 เสียง (จากเดิมเคยเป็นแชมป์มาตลอดห้วง 20 ปี) ส่วนพรรคอื่นๆ คงทราบกันแล้ว… การชนะเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลครั้งนี้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ ต่างก็คาดว่าเพื่อไทยจะ (แลนด์สไลด์อย่างที่หวัง) มาเป็นแชมป์เหมือนเดิม…แม้แต่โพลสำนักต่างๆ ที่คาดการณ์ล่วงหน้าและที่เคยที่ชื่อว่าแม่นยำและใกล้เคียงก็ห่างไกลหน้าแตกไปตามๆกัน (มีเพียง ‘นิด้าโพล’ที่สำรวจเฉพาะส.ส.ใน กทม.ที่เชื่อถือได้ในครั้งนี้หลังปิดการลงคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง)

             เมื่อผลออกมาเช่นนี้ก็ไม่พ้นการจัดตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรค 312 เสียง (ตามแนวปฏิบัติพรรคได้เสียงมากสุดจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อนฯ) ส่วนใหญ่จะเป็นพรรคที่เป็นฝ่ายค้านเดิม 5 พรรค ภายใต้การนำของพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล (151 ที่นั่ง), เพื่อไทย (141), ประชาชาติ (9), ไทยสร้างไทย (6) เสรีรวมไทย (1),…และพรรคน้องใหม่ 3 พรรค ดังนี้ เพื่อไทรวมพลัง (2), เป็นธรรม (1), และพรรคพลังสังคมใหม่ (1 ที่นั่ง) โดยทั้งหมดได้มีการลงนามความร่วมมือ หรือ “เอ็มโอยู” (MOU:memorandum of understand) หรือ ‘วาระร่วมรัฐบาล’ ไม่มีผลทางกฎหมาย เพื่อสนับสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามในการลงมติเลือกนายกฯไม่ได้ใช้แต่เสียง ส.ส. เท่านั้น แต่ต้องประชุมร่วมทั้ง 2 สภา โดยมี ส.ว. ร่วมโหวตด้วย และต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิก 2 สภา หรือ 376 เสียง จาก 750 เสียง ซึ่งหมายถึง พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะต้องหาเสียงสนับสนุนอีกอย่างน้อย 66 เสียง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ของว่าที่นายกฯ ขณะที่ ส.ว.ส่วนหนึ่งยังงอแง มีเงื่อนไขนานัปการ รวมทั้งมี Worst case scenario (ฉากทัศน์ที่เลวร้ายในหลายมิติ)ในจิตใจ รวมทั้งประชาชนบางกลุ่มขั้วอนุรักษ์ ก็คิดคล้ายๆกันเช่นนี้ เนื่องจากยังยอมรับไม่ได้ในเอ็มโอยู หลายข้อที่เขามีความเชื่อต่างๆ นานาว่ารัฐบาลชุดใหม่อาจจะมา“ดิสรัปต์” การเมืองการปกครองประเทศไทยจากเดิมก็เป็นได้ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร รวมทั้งการประกาศจำนวนส.ส.ที่เป็นทางการจากกกต. กว่าจะได้รัฐบาลใหม่ก็ ต้นเดือนสิงหาคมโน่น ถึงวันนั้น “อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในหลายส่วนซึ่งสอดคล้องกับคำพังเพยที่ว่า “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้” เสียแล้ว

 ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้น แม้จะเสียแชมป์ในการเลือกตั้งครั้งนี้…ควรมีการทบทวนสิ่งที่พลาดไปเพราะจุดขายจากการบริหารที่ผ่านมา ยังเป็นเลิศ สูงส่ง อย่างเอกอุ(ดม) เป็นที่ยอมรับของมวลชนอยู่ทุกสมัย โดยเฉพาะ “การใช้สื่อโซเชียล” อย่าลืมว่ามีอิทธิพลสูงมากๆ ในโลกยุคนี้ เฉพาะในประเทศไทยมีผู้ใช้โซเชียลกว่า 55 ล้านคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเจนฯเข้าถึงมาหลายปีแล้ว เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ไม่เลือกเวลาและสถานที่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องหาทางแก้เกมในเรื่องนี้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

            กล่าวสำหรับชัยชนะของ “พรรคก้าวไกล” แบบถล่มทลายเกินคาดหมาย จัดว่าเป็น “ฉันทามติ” ของประชาชน ซึ่งเป็นเสียงสวรรค์โดยแท้…ทำไม อะไร เป็นปัจจัยสำคัญล่ะ..ซึ่งมีข้อที่น่าสังเกต ดังนี้ 1.นโยบายโดนใจ ชัดเจน ตรงไปตรงมาเข้าใจง่าย 2. เชื่อมั่นในผลงานที่เคยเป็นฝ่ายค้านจากรัฐบาลเก่า 3. หัวหน้าพรรค ทีมงาน ผู้สมัครส.ส.ต่างเป็นคนรุ่นใหม่ ร่วมสมัย ร่วมเทคโนโลยี กับคนรุ่นใหม่และเจนฯต่างๆ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลง 4.ใช้หลักการสื่อสารทางการเมืองและการตลาด 5Ps ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5.ใช้สื่อโซเชียลทุกแพลทฟอร์มได้ดี ในยุค‘จักรวาลนฤมิต’ หรือ “เมตาเวิร์ส” (Metaverse) ยุคคอมพิวเตอร์ที่สร้างความจริงเสมือน หรือ VR (virtual reality) และมี AI ปัญญาประดิษฐ์และ IO เป็นตัวเสริมทำให้เข้าถึงสมาร์ทโฟน (มือถือยุคปัจจุบัน) ได้กว้างขวาง และวนเวียนทำซ้ำอย่างไม่น่าเบื่อ อีกทั้งยังมี ‘แฟนด้อม-ด้อมส้ม’(ย่อมาจาก Fanclub – Kingdom) หรือแฟนคลับ หัวคะแนนตามธรรมชาติช่วยหาเสียง ผ่านกลุ่มไลน์ เฟซบุ๊ก ติ๊กต่อก ไอจี ทวิตเตอร์ ฯลฯ ทุกกลุ่ม หรือ ที่เรียกว่า มีกลุ่ม UGC(User-generated Content) กลุ่มแฟนด้อมเป็นผู้ช่วย ตัดต่อคำปราศรัย สร้างเรื่องราว เนื้อหา(Content) ออกมาเป็นคลิปต่างๆ ส่งต่อให้ฟรีอีกด้วย..นี่คืออิทธิพลของการสื่อสารด้านการเมืองและการตลาดแบผสมผสานที่ทำให้งานพรรคนี้สำเร็จ

             ฉบับก่อนการเลือกตั้งผมได้เขียนเกี่ยวกับทฤษฏี Echo chamber ” ไว้ว่า การเมืองเป็นเรื่องเสียงก้อง หรือ เสียงสะท้อน สรุปได้ว่า สมาคมใด แฟนคลับกลุ่มใด สมาชิกแฟนคลับกลุ่มใด เฟซ ไลน์ ติ๊กตอก ที่มักจะได้รับข่าวสารที่ซ้ำๆ อยู่บ่อยๆ ในห้องเดิมๆ มักจะเชื่อและคล้อยตามผู้สื่อสารนั้นๆ หากมีความเชื่อและศรัทธาแล้ว ก็จะกลายเป็นกลุ่ม UGC ในที่สุด…ดังนั้นต้องชม ต้องฟังจากหลายๆ สื่อ หลายๆช่องทาง และเมื่อรับข่าวสารมาแล้ว อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อข่าวนั้น คลิป นั้น ภาพนั้น โดยทันที!..ต้องยึดหลัก “กาลามสูตร” 10 ประการ ก่อนปลงใจเชื่อสิ่งนั้นๆ…ดังคำกล่าวที่ว่า.. “อย่าเพิ่งเชื่อแม้จะได้ยินด้วยหู..อย่าเพิ่งด่วนสรุป..แม้จะเห็นด้วยตา… สิ่งที่ว่านั้นอาจไม่จริงดังที่คิด

             ช่วงนี้เป็นการเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของ “พรรคก้าวไกล” และ “เพื่อไทย” ซึ่งเป็นขั้วเดียวกันมาก่อน และ “ควรจะต้องไปด้วยกันจะได้ไปไกล”.. อย่ามัวแต่แย่งตำแหน่งประธานสภาและอื่นๆ กันเลย …ทั้งสื่อมวลชน เสี้ยมมวลชน (บางค่าย) และนักวิชาการ ก็ออกมาชี้นำเสนอทางออกเยอะแยะ….ทั้ง 2 พรรค ควรจะหารือในการผ่านอุปสรรคข้างหน้าอีกหลายด่านจากผู้ร้องเรียนสารพัดที่ยังค้างคาอยู่ จะผ่านได้หรือไม่นี่ก็สำคัญมาก…และต้องไม่ลืมว่า “กลุ่มพลังอำนาจเก่า” เขายังมีเครือข่ายทรงพลังอยู่ไม่น้อย…อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้…การเมืองไทยอะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น..!?

(หมายเหตุ : บทความนี้เขียนเมื่อ 25 พ.ค. 2566)