คอลัมน์ » ถ้าเราดูแลพ่อแม่คนอื่นให้ดีแล้วหมอคนอื่นย่อมดูแลพ่อแม่เราดีด้วย

ถ้าเราดูแลพ่อแม่คนอื่นให้ดีแล้วหมอคนอื่นย่อมดูแลพ่อแม่เราดีด้วย

2 พฤษภาคม 2023
193   0

ผมเขียนบทความนี้เพื่อให้เป็นข้อคิดกับพ่อแม่ของแพทย์ที่กำลังจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในรพ.ต่างๆตามพันธะสัญญาที่ให้กับทางกระทรวงสาธารณสุขแพทย์บางคนต้องไปทำงานใน รพ.ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาตัวแพทย์เองนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแต่พ่อแม่มักเป็นห่วงอยากให้ลูกมาทำงานที่รพ.ใกล้บ้านจะได้ดูแลลูกได้และยามเจ็บป่วยจะได้พึ่งพาลูกได้เช่นกัน

ทำให้คิดถึงตัวเองที่บรรจุราชการครั้งแรกที่ รพ.เบตงยะลาทั้งที่ภูมิลำเนาอยู่ที่ลำปางพ่อแม่ก็อาศัยอยู่ที่ลำปางเมื่อโทรศัพท์ไปบอกพ่อครั้งแรกว่าต้องไปทำงานที่ รพ.เบตงยะลา พ่อถามว่าอยู่ที่ไหนผมบอกว่าเป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย

ยังจำคำที่พ่อพูดได้ดีว่า

“ไม่เป็นไรนะลูกเป็นหมออยู่ที่ไหนก็ได้ยิ่งอยู่รพ.ที่ห่างไกลหรือรพ.ที่ขาดแคลนชีวิตของเรายิ่งมีคุณค่า”

เป็นคำพูดที่ให้กำลังใจลูกในการเริ่มทำงานในอาชีพแพทย์ที่ประเสริฐที่สุด

ผมจึงเขียนบทความนี้สำหรับพ่อแม่และแพทย์ทุกคนตลอดจนคนไข้และประชาชนให้มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน

“ถ้าเราดูแลพ่อแม่คนอื่นให้ดีแล้วหมอคนอื่นย่อมดูแลพ่อแม่เราดีด้วย”

นพ.พิษณุ ขันติพงษ์

           การทำงานในหน้าที่ของแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาคนไข้นั้นแม้ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพในการเลี้ยงตัวเราและครอบครัวแต่ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างกุศลสะสมบุญทุกวัน

เราควรภูมิใจในวิชาชีพทำหน้าที่ของเราให้ดีและมีความสุขในการทำงานไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรืองานจะหนักเพียงใด

วันก่อนผมได้อ่านข้อความที่หมอรุ่นน้องโพสลงใน social media เล่าถึงการทำงานเป็นแพทย์ในรพช.ที่มีความยุ่งอยู่ตลอดเวลาทั้งคนไข้ชาวไทยหรือจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ และจากโรคที่หามาเองเช่นอุบัติเหตุจากจราจรทำให้ไม่มีเวลาได้ไปดูแลพ่อแม่ญาติพี่น้องจนกระทั่งคุณแม่มีอาการเจ็บป่วยกระทันหันและพบว่าเป็นโรคหัวใจขณะเดียวกันกับที่พาแม่ไปรักษาก็ยังมีโทรศัพท์จากรพ.ตามตัวไปช่วยดูแลคนไข้ที่รพ. คุณแม่ก็ไล่ให้ไปรักษาคนไข้ไม่ต้องห่วงคุณแม่ทำให้คุณหมอเกิดความรู้สึกว่าตนเองทำงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาที่จะดูแลคุณแม่ของตนเองจึงคิดที่จะเลิกอาชีพแพทย์เพื่อมีเวลาดูแลคุณแม่

ในฐานะที่ผมเป็นแพทย์รุ่นพี่และเคยเป็นอาจารย์สอนคุณหมอรู้สึกเห็นใจและเสียดายถ้าต้องเสียคุณหมอดีๆที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชนจึงได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจ

ผมเองตั้งแต่เรียนจบแพทย์ก็ไม่ได้กลับไปทำงานที่บ้านโดยเป็นแพทย์ฝึกที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานีเป็นแพทย์ใช้ทุนที่ รพ.เบตง 2 ปี เข้าเรียนแพทย์เฉพาะที่ รพ.ราชวิถีแล้วไปทำงานที่เชียงรายโดยตลอดไม่ได้ดูแลพ่อแม่ญาติพี่น้องที่อยู่ลำปางเลย

ผมยังจำได้เมื่อเป็นเด็กยังไม่ได้เรียนแพทย์มีเพื่อนๆย่าถามย่าของผมซึ่งอยู่บ้านนอกถึงคุณอาที่เป็นหมอทำงานอยู่อเมริกาหลังจากไปศึกษาต่อจนจบเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางว่าทำไมไม่เรียกตัวกลับมาดูแลรักษาท่านและคนไทย

ย่าผมตอบว่า “ไม่จำเป็นหรอกเพราะอาเป็นหมออยู่ที่ไหนก็ได้ดูแลรักษาคนไข้เช่นกันไม่ว่าจะเป็นชาติไหนยากดีมีจนอย่างไรก็เป็นคนไข้ที่ต้องการให้หมอรักษา” ผมรู้สึกทึ่งในความคิดของคุณย่าที่ไม่ได้เรียนหนังสืออ่านหนังสือไม่ออกแต่มีความเข้าใจวิชาชีพแพทย์จึงมีความคิดอยู่เสมอว่าถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ดูแลพ่อแม่ญาติพี่น้องของเราแต่ถ้าเราดูแลรักษาคนไข้ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ญาติพี่น้องของคนอื่นให้ดีที่สุดคุณหมอคนอื่นก็จะดูแลรักษาพ่อแม่ญาติพี่น้องของเราอย่างดีที่สุดเช่นกัน

ผมก็ไม่ทราบว่าน้องหมอคนนั้นจะตัดสินใจอย่างไรแต่อย่างไรก็ตามโดยพื้นฐานที่เป็นหมอที่ดีทำงานรักษาคนไข้จนเป็นที่รักของคนไข้และผู้ร่วมงานไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรย่อมจะมีความเจริญในอาชีพนั้นๆอย่างแน่นอนผมเชื่อว่าความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนที่ไม่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณจะหวังให้เป็นคนดีคนที่รู้คุณของแผ่นดินทำงานเสียสละให้แก่สังคมและแผ่นดินถิ่นกำเนิดนั้นคงจะเป็นไปได้ยากผมจะเคารพในการตัดสินใจของคุณหมอพร้อมเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นหมอหรือไม่ก็ตาม

ในขณะที่ยังรับราชการเป็นผู้อำนวยการรพ. มีพยาบาลวิชาชีพระดับชำนาญการขอลาออกจากราชการด้วยเหตุผลเพื่อไปดูแลพ่อแม่ที่อายุมากและประกอบอาชีพอื่นผมในฐานะผู้บังคับบัญชาดูประวัติการทำงานพบว่ารับราชการตั้งแต่อายุ20ปีอายุราชการ 27 ปี แล้วเริ่มต้นจากพยาบาลเทคนิคแล้วไปเรียนต่อเป็นพยาบาลวิชาชีพสอบถามหัวหน้าพยาบาลทราบว่าปัจจุบันเป็นผู้ช่วยหัวหน้าตึกพิเศษ

เนื่องจากรพ.อยู่ในภาวะขาดแคลนพยาบาลผมได้พูดคุยกับหัวหน้าพยาบาลผู้ร่วมงานและเจ้าหน้าที่รพ.ทุกระดับทั้งที่ตึกพิเศษและทั่วไปพบว่าทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าทำงานดีมากเป็นที่รักของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่รู้จักตลอดจนคนไข้และญาติ

ผมรู้สึกได้ถึงผู้ร่วมงานที่มีคุณค่ามากที่ต้องรักษาไว้ในองค์กรจึงได้ขอพบเพื่อพูดคุยด้วยเมื่อเห็นหน้าก็จำได้เพราะผมเพิ่งไปเยี่ยมที่ตึกเพื่อให้กำลังใจทุกคนเนื่องจากเพิ่งมีพยาบาลเพื่อนร่วมงานเสียชีวิตเมื่อคุยกันแล้วจึงได้ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าครอบครัวอยู่คนละที่สามีเป็นวิศวกรอยู่ที่ลำปางระดับผู้บริหารแล้วไม่สามารถย้ายมาได้ ลูกๆก็เรียนหนังสืออยู่เชียงใหม่จึงอยากไปอยู่กับสามีเพื่อทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่ชีวิตนี้ได้ทำหน้าที่พยาบาลทุ่มเทกับงานที่ตัวเองรักมากอย่างเต็มที่แล้วครึ่งชีวิตไม่เคยได้ดูแลครอบครัว  แม้แต่ครั้งที่สามีประสบอุบัติเหตุจึงตั้งใจใช้ชีวิตช่วงที่เหลือนี้ดูแลครอบครัวและพ่อแม่ที่เกษียณอายุแล้ว

เมื่อผมได้รับทราบเหตุผลแล้วก็ยอมรับว่าคงยากที่จะเปลี่ยนใจจึงได้แสดงความขอบคุณแทนคนไข้และเจ้าหน้าที่รพ.ที่ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดและเชื่อมั่นว่าบุญกุศลอันยิ่งใหญ่นี้จะส่งเสริมให้พบแต่ความสุขดังที่หวังพร้อมกับมีครอบครัวที่อบอุ่นและจะยังคงทำประโยชน์ให้ชุมชนที่อยู่ด้วยอย่างแน่นอน

ผมเชื่อว่า “ไม่ว่าเราจะทำหน้าที่อะไรก็ตามถ้าเราทำให้ดีที่สุดแล้วเราควรมีความภูมิใจในงานที่เราทำและไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดจะมีคนที่รักและคิดถึงเราในทางที่ดีงามอยู่ตลอดไป”

            “ไม่มีงานใดที่ต่ำต้อยหรือไม่มีคุณค่าถ้าเราทำด้วยความรักความจริงใจและทุ่มเทให้กับงานที่เราทำ”

ขอบคุณที่เป็นคนดี