เชียงรายปัจจุบัน มีความก้าวหน้าในด้านต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้งในทุกๆ ด้าน นักท่องเที่ยวจากต่างชาติ ทั้งไทย และ ยุโรป – จีน เดินกันขวักไขว่ในหลายเส้นทาง แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เริ่มอวดรอยยิ้มกันทั่วหน้าแล้ว หลังโควิด-19 ซาลงไป..แต่ต้องไม่ลืม “การ์ดอย่าตก” เหมือนเดิม เพราะเชื้อโรคไอ้ตัวร้ายนี้ ช่างเดาใจมันยากเหลือเกินแถมปรับตัวเก่งเพื่ออยู่รอดของมันเอง…ซึ่งก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติที่ว่า “ผู้แข็งแรงและรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีฯเท่านั้น..จึงจะอยู่รอดได้ทุกกาลเวลาที่เปลี่ยนไป” หรือว่าไม่จริง..!
เดือนนี้ที่เชียงรายมีแต่ข่าวดีๆ ว่ากันว่า คนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้มีส่วนร่วมบุญ ร่วมกิจกรรมสร้างบุญกุศล…ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มร.ชร.) มหา’ลัยในหัวใจประชาชน ปีนี้ที่นั่นเขามีกิจกรรมบุญ เช่น ทอดผ้าป่าให้ทุนการศึกษา ทำบุญตามคณะต่างๆ และ อื่นๆ ไปบ้างแล้ว เพื่อเฉลิมฉลอง ที่มหา’ลัยเขามีอายุครบ 50 ปี “กึ่งศตวรรษ”แล้ว เขซึ่งสถาปนาเมื่อ 29 ก.ย. 2516 ปัจจุบัน ผศ.ดร.ศรชัย มุ่งไธสง เป็นอธิการบดี บอกว่าเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 50 ปี มร.ชร.ในปีนี้มีกิจกรรมหลายอย่างตลอดปี ทั้งนิทรรศการ ประชุมทางวิชาการ บางอย่างก็ได้ดำเนินการไปแล้ว และในวันที่ 14-15 ก.พ.’66 นี้ ขอเชิญชาวเชียงรายและผู้สนใจทุกท่าน… ชมการแสดง “โขนหลวงพระราชทาน” เรื่องรามเกียรติ์ “ชุด หนุมานชาญกำแหง” ซึ่งจะจัดให้ชม “ฟรีๆ”… ที่บริเวณศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังใหม่) ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป…
เรื่องนี้ ผศ.ดร.ภูริพัฒน์ แก้วศรี ผช.อธิการบดี มร.ชร.ฐานะผู้กำกับสนับสนุน “หอปรัชญา รัชกาลที่ 9” ตั้งอยู่ใน มร.ชร.และผู้ประสานงานงานนี้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อวันก่อน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผวจ.เชียงราย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ผศ.ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดี มร.ชร. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย คุณนฤมล ล้อมทอง กก.ผจก.โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง และ รศ.ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้กำกับการแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุง ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไปแล้ว งานนี้นับได้ว่าเป็นงานสำคัญของจังหวัดเชียงรายในรอบหลายๆ ปี เพราะทาง มร.ชร.ได้จัดให้มีการแสดง “โขนหลวงพระราชทาน” เรื่อง รามเกียรติ์ ชุด “หนุมานชาญกำแหง” ให้ชาวเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงได้ชมกันแบบฟรีๆ โดยจัดแสดงที่ บริเวณศาลากลางฯเชียงราย ซึ่งมิใช่เรื่องง่ายนักที่คณะกรรมการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง จาก กทม.จะเดินทางมาแสดงในต่างจังหวัดอย่างงานนี้ ซึ่งรับผิดชอบและประสานงานโดยทีมงานของ มร.ชร. และทีมงาน “หอปรัชญา ร.9” มร.ชร…ครับ..สิ่งดีๆ ที่หาดูยากอย่างนี้…คอละคร คอโขน ทั้งหลายจึงไม่ควรพลาดที่จะไปชม…ด้วยสายตาของตนเองให้เป็นบุญตา…ก็ว่าได้ .. นานๆ จะได้ดูของหาดูยากระดับชาติของไทย
ที่ว่าเชียงรายเป็น “เมืองบุญ” นั้น… มีเรื่องที่ต้องกล่าวถึงอีกเรื่อง คือ… วัดห้วยปลากั้ง เชียงราย วัดดังที่ไม่ต้องอาศัยไสยศาสตร์ ที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี..หลังจากที่ ท่านเจ้าคุณพระไพศาลประชาทร วิ.(พระอาจารย์พบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง จ.เชียงราย ได้เปิด โรงพยาบาลวัดห้วยปลากั้งเพื่อสังคม ไปแล้ว เพื่อรักษาฟรี แก่ผู้ด้อยโอกาสที่ยากจน เมื่อต้น ธ.ค.’65 ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 23 ม.ค.’66 ที่ผ่าน มีครอบครัวใจบุญและจิตวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยจิตกุศลทั้งสูงค่าด้านคุณธรรมในจังหวัดเชียงราย ภายใต้การนำของ นายไพบูลย์ เลาพงษ์สิต พร้อมด้วย นางหยินผิน เลาพงษ์สิต และครอบครัว ปัจจุบันนอกจากจะเป็นนักธุรกิจชื่อดังเจ้าของร้านสหไพบูลย์ชื่อดังของเชียงรายแล้วยังเป็น ประธาน กต.ตร.อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ทั้งยังมีบริษัทในเครือหลายแห่ง เช่น สหไพบูลย์ สุขภัณฑ์ – ค้าวัสดุก่อสร้าง หมู่บ้านจัดสรร “รัตนบุรี” ไร่กาลเวลา อ.เวียงชัย ฯลฯ ในวันดังกล่าว เขาและครอบครัวได้ทำพิธีมอบถวายที่ดินติดวัดห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงรายพื้นที่กว่า 100 ไร่ ราคา 300 ล้านบาท พร้อมถวายเงินสด อีก 1 ล้านบาท แด่ พระอาจารย์พบโชค ด้วย เพื่อให้ทางวัดนำไปใช้ในกิจการและกิจกรรมอเนกประสงค์ตามที่ต้องการ ซึ่งพระอาจารย์พบโชค เปิดเผยว่า จะนำที่ดินดังกล่าวที่ได้รับการบริจาคนี้ สร้าง “ศูนย์วิปัสสนาธุระพบโชคนานาชาติ วัดห้วยปลากั้ง” เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพุทธศาสนาในเขตเชียงรายให้รุ่งเรืองสืบไปให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก ในอนาคตจะมีพระภิกษุและนักบวชทั่วโลกจะเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ฯแห่งนี้ โดยจะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หรือ องค์พระยูไล (ชาวจีนเรียก ) ขนาดหน้าตัก 120 เมตร สูง 212 เมตร ที่บริเวณที่ดินที่ได้รับมอบด้วย ….. ขอกุศลผลบุญที่ได้สร้างช่วยเกื้อหนุนให้กิจการต่างๆ รุ่งเรืองเฟื่องฟูตลอดไป ใครๆ ที่คิดดี ทำดี เพื่อสังคม ย่อมได้ความรักความศรัทธาจากชาวประชาเสมอ…อันว่าคนทำดีและความดีนี้…ไม่มีวันตาย..สังคมจะจดจำ “วงศ์ตระกูล” คนทำดี ไว้ไปอีกยาวนาน….
เดือน ก.พ.นี้ เป็นเดือนที่มีความสำคัญอยู่หลายวัน และเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นเดือนนี้อยู่หลายเหตุการณ์ ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เป็นธรรมชาตินั่นเอง ตราบใดที่ยังมีประชากรในโลกเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี กอรปกับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ทั้งทางด้านสร้างสรรค์ และและทำลาย ซึ่งเป็นตัวสมดุลซึ่งกันและกัน มีดี มีชั่ว ควบคู่กันไป เพราะมันเป็นของมันอย่างนี้นี่เอง เมื่อมีสิ่งนี้เกิดขึ้น…จึงมีสิ่งนี้ตามมา ซึ่งเป็นไปตามหลัก “อิทัปปัจจยตา” เป็นหลักการทางพุทธศาสนา เมื่อมีเหตุย่อมมีผลและเมื่อเหตุดับ…ผลก็ดับไปด้วยเช่นกัน…การแก้ไขปัญหาก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ..นั่นแล
ส่วนการเมืองบ้านเรา กกต.ได้ประกาศเขตเลือกตั้งในเขต 77 จังหวัดแล้ว จากเดิม 350 เขต เพิ่มเป็น 400 เขต ใช้งบฯเลือกตั้ง จากเดิมปี’62 ใช้ไป 5,800 ล้าน ปี’66 ตั้งไว้ 5,945 ล้าน การปกครองบ้านเราเลือกเดินบนเส้นทางประชาธิปไตยเป็นสารณะ..ซึ่งเป็นการต่อสู้กันระหว่างความเชื่อของฝ่าย ประชาธิปไตย กับ เผด็จการ …ทว่า แม้เรามองว่าคนอีกกลุ่มเป็น “กลุ่มอนุรักษ์นิยมเด็จการ และกลุ่มอนุรักษ์ประชาธิปไตย” ก็ตามแต่ละฝ่ายก็จะอ้างตนเองว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไม่จำเป็นต้องยึดหลักสากลก็มี (ในโลก..!!?)…สิ่งที่น่าสนใจคือในเดือนนี้การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของฝ่ายค้าน จะเกิดขึ้น 15-16 ก.พ.นี้ หากรัฐบาลไม่ยุบสภาหนีคงจะได้เห็นแผลเหวอะหวะของใครต่อใคร แน่ๆ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ (หากมีจริง)
การเปลี่ยนขั้วย้ายข้างของ ส.ส.และพรรคการเมืองต่างๆ การออกเดินสาย ปาดหน้า หาเสียงขณะนี้ก็เพื่อเรียกความนิยมให้ “ประชานิยม” ของแต่ละพรรคในขณะนี้เป็นไปอย่างดุเดือด เข้มข้น ชิงไหว ชิงพริบ เพื่อชิงคะแนนนิยม พรรคไหนจะทำได้ตามที่คุยหรือไม่..บางพรรคที่คนเชื่อมั่น..อย่างพรรคเพื่อไทย มาตลอดคนกันเองก็ออกมาซัดกันเอง… สดุดขากันเองซะแล้วก็มี ต้องคอยดูประชาชนจะเลือกฝ่ายไหน ..จะเป็นดราม่า หรือเปล่า เพราะ “ความขัดแย้ง” (conflict) คือข่าว…คอยดูจะจบอย่างไร..?!
ท้ายนี้ขอบอกว่า… เชียงราย…เมืองบุญ น่าอยู่น่าอาศัย มีมหา’ลัยให้เลือกเรียนมากมาย เก่าแก่ที่สุด คือ ม.ราชภัฏเชียงราย ซึ่งเป็นชื่อพระราชทาน ของ ร.9 14-15 นี้ เขาจัด “โขนหลวงพระราชทานฯ” ให้ชมฟรี! .ของดีๆ คนรุ่นใหม่ รุ่นเก่า คนเฒ่า คนแก่ ก็ไม่ควรพลาด หากไม่ไปชมท่านจะเสียดายไปตลอดชาติแน่ๆ …ส่วนเรื่องการเมืองที่พรรคต่างๆ อวดนโยบายหาเสียงกันนั้น… พี่น้องเอ๋ย…ยุคนี้เป็นยุคโซเชียลมีเดีย “ยุคดิจิทัล” ที่มีหลายเพลตฟอร์มในการสื่อสาร ยุคที่ทุกคนที่มีมือถือ สามารถเป็นนักข่าวภาคพลเมืองได้ สามารถสืบค้นเรื่องเก่าๆ ข่าวสารที่ก้าวหน้าได้ในอนาคต ที่ผ่านมานักการเมืองคนใดมีพฤติการณ์อย่างไร ผลงานเป็นอย่างไร ประชาชนเขาตาสว่างมานานแล้ว…คอยวันเลือกตั้งก่อนเขาจะตัดสินเอง…ได้ยินไหม..!! ?